ฟิคนี้เป็นฟิคที่เขียนให้ mummy อะนะ จริงๆคิดอยู่ว่าจะเอามาลงดีไหม เพราะเพิ่งเขียนไปตอนเดียว ยังเขียนไม่จบ กลัวเขียนไม่จบจริงๆนะนิ = =;
ไม่ค่อยถนัดเขียนฟิคเท่าไหร่ ยิ่งคู่นี้ยิ่งไม่ค่อยจะถนัดเลย ไม่เคยเขียนเจมินีเลยนะนิ -_-a
เอาเป็นว่าชอบไม่ชอบอย่างไรก็รบกวนเม้นต์หน่อยนะคะ

ช่วงนี้เราอาจจะหายๆไปบ้างอะนะคะ กำลังจะสอบไฟนอล แถมไม่ค่อยสบายด้วย 555
เจอกันใหม่นะคะ^^/
[Scattered glass]
[1]
[scar]
ทั้งที่เราได้มีโอกาสกลับมาเจอกันอีกครั้ง
.ได้รับโอกาสใหม่อีกครั้ง..
แต่ทำไม...เหมือนบางอย่างระหว่างเราไม่เคยกลับมาได้อีก...
ความผิดพลาดที่ผ่านมาจะไม่สามารถได้รับการให้อภัยได้จริงหรือ...?
แก้วที่มันแตกไปแล้ว....มันไม่มีทางเชื่อมกันได้สนิท...อย่างนั้นหรือ...?
แต่ถึงอย่างนั้น...ขอได้ไหม...
ถึงคนอื่นจะไม่อภัยก็ไม่เป็นไร..
ขอแค่นายคนเดียว....คนเดียวเท่านั้น..
ให้อภัยชั้น....ได้ไหม....?
ซางะ วันนี้--
ชั้นมีงาน ขอตัว คนตอบตอบเพียงสั้นๆแล้วหอบเอกสารมากมายในมือเดินออกไปจากวิหารโดยไม่เหลียวมองกลับมาสักนิด ทิ้งให้ชายหนุ่มผู้มีหน้าตาพิมพ์เดียวกันคอตกอยู่เบื้องหลังอยู่เบื้องหลัง มือที่เอื้อมไปหาอีกฝ่ายนิ่งงันและค่อยๆลดลงข้างลำตัว
อีกแล้วหรือ....?
หลังจากผ่านศึกใหญ่ระหว่างเหล่าทวยเทพมาได้...จวบจนกระทั่งโลกกลับคืนสู่ความสงบสุขอีกครั้ง องค์อาเทน่าได้วิงวอนร้องขอโอกาสให้แก่เหล่านักรบทั้งหลายที่พลีชีพไปในสงครามทำให้ทุกชีวิตที่สุญเสียไปจากสงครามต่างๆล้วนฟื้นคืนมา ต่างคนต่างก็แยกกันไปใช้ชีวิตของตน....พวกเซนต์ก็กลับมาบูรณะแซงค์ชัวรีที่พังไปหลายส่วนจากศึกฮาเดสที่ผ่านมา..
จริงๆมันเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ทำให้เขาและพี่ชายของเขาได้กลับมาพบกันอีกครั้ง...ทว่า ตั้งแต่ได้กลับมาอยู่ด้วยกันในวิหารเจมินี่อีก...แทนที่จะได้ใช้โอกาสนี้ใช้ชีวิตร่วมกับพี่ชายร่วมสายเลือด...ซางะกลับไม่อยู่ติดวิหารเอาเสียเลย ระหว่างเจมินี่ทั้งสองได้พูดจากันนับครั้งได้ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา...
ทำไมกัน...หรือซางะยังโกรธเขาอยู่.....?
เฮ้ย ไอ้กิ้งกือทะเลคาน่อน!!!!!
!? เสียงตะโกนดังสนั่นระยะเผาขนทำให้ชายหนุ่มกระโดดถอยหลังทันที แขนข้างหนึ่งออกหมัดไปทางเสียงนั้นด้วยความตกใจ แต่ได้เพียงความว่างเปล่า
......เล่นแรงนะแก.... เสียงบ่นอุบมาจากด้านข้าง...คนบ่นลูบซอกคอของตนที่มีรอยแดงเบาๆ
.....ใครใช้ให้นายตะโกนใส่หูชั้นล่ะ....มิโร..
แล้วใครใช้ให้แกหูตึงก่อนไม่ทราบ? ชั้นเรียกแกเป็นสิบครั้งแล้วนะ มิโรในชุดลำลองสีเข้มนิ่วหน้า รอยแผลรู้สึกแสบๆขึ้นมาหน่อยๆ ท่าจะได้แผลถลอกเสียแล้ว โชคดีนะที่เขาไวพอจะหลบทัน ไม่งั้นคงไม่แค่ถลอกแน่ๆ
ห๊ะ?
เป็นเอามากนะแก....เดินมาถึงวิหารชั้นแล้วยังมาทำหูตึงแถวนี้อีก ละเมอเรอะไอ้บ้า?? แมงป่องทองบ่นอุบแล้วฮึดฮัดหันหลังเดินกลับเข้าไปด้านในวิหาร
เจมินีผู้น้องหน้าเจื่อน...เมื่อมองไปรอบๆจึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาอยู่ที่วิหารสกอเปี้ยนจริงๆ
นี่เรา....มาอยู่ที่นี่ตั้งแต่เมื่อไรกันนะ...?
เพราะมัวแต่คิดเรื่องของคนๆนั้นงั้นเหรอ.....หึ....บ้าจริง...
เดินเหม่อมาถึงวิหารมิโรแล้วยังจะชกเขาอีก ทุเรศตัวเองชะมัด...
แต่ก็....ไม่รู้จะไปไหน..น่ะนะ
คาน่อนแหงนมองขึ้นไปด้านบน...ทอดมองเงาวิหารที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆจนกระทั่งถึงวิหารหลังใหญ่ที่สุดเบื้องบน....วิหารเคียวโก..
คนๆนั้น...ตอนนี้คงอยู่ที่นั่นสินะ..
อยู่ท่ามกลางกองเอกสารมากมายกับไอโอลอสเหมือนเคย...
กี่วันแล้วนะที่เราไม่ได้เจอหน้ากัน....?
ไม่มีอะไรเลี้ยงแขกหรอกนะ คามิวก็ไม่อยู่ด้วย
หา? คาน่อนเลิกคิ้วสูง ทำหน้าเหรอหรากับเสียงที่ดังมาจากด้านใน มิโรนอนอยู่ที่เก้าอี้ยาวเหลือบมองมาครู่หนึ่งแล้วหันกลับไป โบกมือเหมือนรำคาญ
จะอยู่ก็อยู่ จะไปก็ไป เอาสักอย่าง..
เสียงเจ้าของวิหารบ่นอุบ แต่คนฟังกลับยิ้มน้อยๆ คาน่อนหัวเราะเบาๆแล้วเดินเข้ามาทิ้งตัวลงบนเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ใกล้ๆกับมิโร
ก็ไม่ใช่ครั้งแรกหรอกนะที่ลงเอยเช่นนี้...
เอาเถอะ ก็ดีเหมือนกัน ยังไงก็ไม่มีที่ไปอยู่แล้วนี่นะ
ยังไม่ตื่นหรือมิโร?
เสียงนุ่มดังมาจากทางเข้าวิหารทำให้คนในวิหารต่างหันไปมองที่ต้นเสียง ชายหนุ่มร่างเพรียวคนหนึ่งเดินเข้ามาเงียบๆ ที่หลังแบกกล่องใบหนึ่งมาด้วย
หือ? มูเรอะ?มีธุระอะไร? มิโรขยับเปลี่ยนท่าเป็นนั่ง หาวน้อยๆแล้วงึมงำถาม เลยได้กล่องใบใหญ่ลอยใส่หน้ามาแทนคำตอบ มิโรรับพลางทำปากบ่นขมุบขมิบแต่พอมองสิ่งที่โยนมาก็พบว่ามันคือกล่องคลอธสกอเปี้ยน เมื่อเปิดออกดูก็พบแมงป่องสีทองที่เคยพังยับ...ในสภาพใหม่เอี่ยมราวกับไม่เคยผ่านการใช้งาน
นี่เป็นธุระรึเปล่า? มูยิ้มหวานหยดแต่กลับให้ความรู้สึกตรงข้าม แม้แต่คาน่อนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ใกล้ๆยังรู้สึกได้
ดวงตามรกตเหลือบมาเห็นพอดี.. คาน่อนเลยต้องทักตามมารยาท
...ไงมู
ชายหนุ่มหน้าหวานไม่ตอบ เขาเพียงยิ้มให้น้อยๆแล้วหันไปพูดกับเจ้าของวิหารสกอเปี้ยนต่อ
ถ้าว่างก็ไปช่วยไอโอเรียซ่อมวิหารชากะหน่อยเถอะ
รู้แล้วน่า..ถึงจะสายแต่ชั้นไปทุกวันนะ.... มิโรปิดกล่องคลอธแล้วบ่นอุบอิบ เขาอาจจะไปสายจริง แต่เขาก็ทำงานไม่น้อยกว่าคนอื่น เริ่มช้าก็เลิกช้ากว่าคนอื่นมันก็น่าจะเสมอตัวแล้วไม่ใช่เรอะ...ไม่รู้ว่าจะบ่นอะไรอีก
มูมองนิ่งๆ ถอนหายใจน้อยๆแล้วค่อยหันหลังเดินกลับออกไปจนกระทั่งเสียงฝีเท้านั้นลับหายออกไป
เฮ้อ งานเข้าซะแล้ว โกลด์เซนต์สกอเปี้ยนลุกขึ้นบิดขี้เกียจ สงสัยว่าคงได้เวลาตื่นแล้ว ไม่งั้นอาจเจอสะเก็ดดาวจากแกะตัวใดตัวหนึ่ง...จะจากวิหารเคียวโกหรือจากวิหารแรกก็ไม่น่าลองทั้งนั้นแหละ...
คาน่อนได้แต่ก้มหน้านิ่ง...เขาเงียบจนมิโรต้องทัก
เจ้าแกะนั่นงานท่วมหัว คงซ่อมคลอธทั้งแซงค์จนหงุดหงิดล่ะมั้ง ช่างมันเหอะ คนพูดยักไหล่
....มันไม่ใช่แค่มูหรอกนะ.... เจมินี่ผู้น้องตอบเสียงแผ่ว...คนฟังได้แต่ถอนหายใจยาว มิโรรวบผมขึ้นแล้วลุกไปหยิบเชือกจากโต๊ะใกล้ๆมามัดผม เขาอ้าปากจะพูดต่อแต่ก็สะดุดกับเสียงฝีเท้าใหม่ที่เข้ามาในวิหาร
คาน่อน เจ้ามาทำอะไรที่นี่? ร่างสูงที่เดินเข้ามาพร้อมกับผมสีน้ำเงินยาวเป็นลูกคลื่นดูไม่ค่อยพอใจนัก
ซางะ?...อะ คามิวด้วย?....ไหนนายว่าจะไปภารกิจ....? มิโรเลิกคิ้วสูงเมื่อมองเห็นว่าเบื้องหลังของผู้มาใหม่ยังมีชายอีกคนเดินตามมาด้วย...ทำเอาวิหารเย็นเฉียบขึ้นมาทันควัน....ดวงตาเยือกเย็นเหลือบเห็นรอยถลอกเปรอะคราบโลหิตเก่าๆที่ข้างลำคอของเพื่อนสนิทจึงเหลือบมองไปทางคาน่อน
พอดีกับที่ซางะรีบเข้ามาคว้าตัวน้องชายออกไป
เจ้าว่างมากหรือ คาน่อน! ทำไมไม่อยู่ที่วิหาร? เสียงหงุดหงิดมาพร้อมกับแรงกระชากที่ต้นแขน...แรงจนรู้สึกเจ็บ
ซางะ! อะไรเนี่ย??
...เรามีเรื่องต้องคุยกัน เจมินี่ผู้พี่ออกแรงยื้อน้องชายตนมุ่งหน้าออกจากวิหารสกอเปี้ยนไปทันที
ห๊ะ? เฮ้ย อะไรพี่!? ชั้นทำอะไร!? คาน่อนตั้งท่าจะโวย หงุดหงิดขึ้นมาทันที แต่เมื่อเหลียวหลังกลับมาเจอสายตาของเจ้าของวิหารก็ต้องนิ่งไป
คาน่อน ไปซะ มันหนวกหู มิโรจ้องเขม็งจนคาน่อนนิ่งเงียบ....ระหว่างที่เหลือบมองกันไปกันมา มิโรขยับส่ายหน้าเล็กน้อยให้ สุดท้ายเจมินี่ทั้งสองจึงออกจากวิหารไปแต่โดยดี
เจ้าของวิหารค่อยหายใจสบายท้องขึ้นหน่อย...
เจ้ายุ่งเรื่องที่ไม่ควรยุ่ง..
หือ?....แปลกนะที่ได้ยินนายพูดอย่างนี้ คามิว มิโรเหลือบมองเพื่อนสนิทที่เดินเข้ามาเลิกปอยผมด้านข้างของเขาขึ้น...ปลายนิ้วเย็นๆแตะลงบนรอยแดงที่ยังไม่จางหายไปจนรู้สึกแสบๆนิดๆขึ้นมาอีก
....ก็แปลกดีที่สนิทกันได้ คนพูดทำปรายตามองอย่างไม่สบอารมณ์
หึงหรือ? แมงป่องทองหยอดทีเล่นทีจริง หน้าทะเล้นๆทำเอาคามิวนึกอยากศอกให้เสียทีหนึ่ง แต่สุดท้ายก็เมินหน้าไปทางอื่น พอเห็นได้ว่าดวงหน้าของอีกฝ่ายเริ่มจะแดงเรื่อๆ
มิโรได้แต่หัวเราะกับท่าทางน่ารักๆเหล่านั้นแล้ววงแขนเข้าโอบกอดอีกฝ่ายอย่างเอาใจ
อุตส่าห์นั่งฟังเจ้านั่นบ่นอยู่เรื่อย...ไม่คิดว่าจะมีเรื่องดีแบบนี้เหมือนกันแฮะ
ว่าไงซางะ?? มีอะไรก็ว่ามาสิ!? ชายหนุ่มสะบัดตัวออกแล้วโวยเสียงดังขึ้นมาเมื่อเข้ามาถึงด้านในวิหารของตนสองพี่น้อง
เจ้าไม่มีอะไรจะทำแล้วใช่มั้ย....จะสร้างปัญหาเท่าไรถึงจะพอใจ?
ปัญหา? ไปนั่งเล่นวิหารสกอเปี้ยนเนี่ยนะ?
นั่นแหละปัญหา! เจ้าจะทำสองคนนั่นมีปัญหานะรู้มั้ย!?
ข้าไม่ได้ทำอะไรผิดนะ! จะมีปัญหาได้ไงหา??
ต้องให้มิโรกับคามิวผิดใจกันก่อนใช่มั้ยเจ้าถึงจะคิดว่ามันเป็นปัญหา?? เลิกไปวิหารสกอเปี้ยนได้แล้ว ข้าขอสั่งเจ้า คาน่อน!
เสียงเฉียบขาดทำให้คาน่อนนิ่งงัน.....
สั่งงั้นเหรอ......?
ซางะ........แกมัน......มัน...........น่าโมโหที่สุด!!
แกต้องทน คาน่อน
เสียงของมิโรแว่วเข้ามาในหัว....พร้อมกับสิ่งที่โกลด์เซนต์สกอเปี้ยนเคยบอกกับเขาในช่วงหลางสัปดาห์มานี้..
ทน.... คาน่อนทวนคำ สายตายังนิ่งอยู่ที่พื้นวิหารในขณะที่สองแขนวางอยู่บนเข่า
น่าจะรู้ตัวนี่ว่าไอ้ที่แกทำน่ะมันไม่ได้จะแค่ขอโทษแล้วจบ
แต่ชั้นก็ต่อสู้เต็มที่....ชั้นก็พิสูจน์ตัวเองแล้วนี่??
มีกี่คนที่เห็นวะ..
คำพูดของมิโรตอกหน้าอีกฝ่ายอย่างจังจนพูดไม่ออก...คาน่อนรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาในอก..
คนส่วนมากฟังแค่คำบอกเล่า จะให้เชื่อเลยเหรอ? ง่ายไปมั้ง? พวกมู พวกไอโอเรียก็เจอเรื่องอะไรมาเยอะที่มีส่วนมาจากเรื่องของแก...แค่ขอโทษคิดว่าหายเรอะ? เป็นชั้นก็ไม่หายว่ะ
แต่นายก็ยังฟังชั้น.... คาน่อนมองหน้ามิโร ถึงคำพูด สีหน้าน้ำเสียงของคนๆนี้จะดูกวนโมโห....แต่มันไม่ได้แตกต่างจากสิ่งที่ปฏิบัติต่อคนอื่น....มิโรวางตัวกับเขาอย่างปกติเสมือนเพื่อนคนหนึ่งไม่ต่างจากพวกโกลด์เซนต์ที่เหลือ ไม่ทำให้เขารู้สึกแปลกแยก...ในขณะที่คนอื่นไม่ใช่..
มิโรถอนหายใจยาว..คิดว่าคงต้องพูดกันจริงจังเสียที
เพราะแกพิสูจน์ตัวเองต่อหน้าชั้น...ชั้นถึงเชื่อ เพราะงั้นแกก็ต้องทำให้คนที่เหลือเชื่อด้วย... เขาวรรค
ชั้นช่วยแกไม่ได้หรอกนะ คาน่อน
ก็เข้าใจหรอกนะว่าต้องทน....ทนใช้กรรมที่ตัวเองก่อ...
แต่ว่า...ทำไมล่ะ...ทำไมกับคนๆนี้.....คนที่น่าจะเข้าใจเขามากที่สุดคนนี้..ถึงไม่เคยเห็นใจ..
คนทั้งแซงค์ชัวรีจะมองเขาอย่างไรเขาไม่อาจบังคับได้....อย่างไรเสียนั่นก็เป็นคนอื่น...
แต่คนที่ไม่ใช่ คนอื่น ล่ะ? ทำไมถึงไม่เข้าใจกันบ้าง....ไม่ฟังกันบ้าง...
คิดว่าเขาอยากออกจากวิหารนี่มากนักเหรอ..?
....ถ้าแค่นายจะยอมอยู่วิหารเสียบ้างก็คงไม่อยากออกไปหรอก!
ซางะ.....แกมัน...ไม่เคยเข้าใจอะไรเลยจริงๆ...
หึ....น่าแปลกนะ...เขาว่าเลือดข้นกว่าน้ำ... ร่างของชายหนุ่มสั่นระริกจากแรงหัวเราะ แต่น้ำเสียงกลับไม่ได้เป็นเช่นนั้น
แต่มิโรกลับเข้าใจชั้นมากกว่าพี่อีก!!
พูดจบร่างนั่นก็วิ่งออกไปโดยไม่สนใจอะไรผู้ที่เป็นสายเลือดเดียวกับตนอีก...
คาน่อน!!
ซางะตะโกนไล่หลังเงาร่างน้องชายไปแต่กลับไม่มีเสียงอะไรตอบกลับมา ร่างนั้นหายลับไปพร้อมกับเสียงฝีเท้าที่ห่างไกลออกไป...
ซางะรู้สึกเหมือนขาทั้งสองค่อยๆไร้เรี่ยวแรง...ร่างสูงค่อยๆทรุดลงนั่งกับพื้น...จวบจนไม่เหลือสิ่งใดในสายตาของเขาแล้วดวงตานั้นจึงก้มลงมองพื้นหินของวิหารเจมินี่..ความเย็นเฉียบของมันซึมผ่านร่างกายมาราวกับจะเยาะเย้ยความผิดพลาดของเจ้าของวิหาร
เสียงหนึ่งตะโกนก้องอยู่ภายในวิหารพร้อมกับแสงสั่นสะเทือนของแรงปะทะของหมัดแกร่งกับพื้นหิน..
โธ่เว้ย!!!
ชายหนุ่มกัดฟันกรอด..มือข้างที่กำหมัดแน่นเปรอคราบฝุ่นเจือไปกับของเหลวสีแดงประปราย..มันเกร็งแน่นจนสั่นระริก...ปลายเล็บจิกแน่นเข้าไปในอุ้งมือของตนจนเริ่มขึ้นรอยแดงเลือด..
ทำไม....ทำไมถึงเป็นแบบนี้.....
เลือดที่น่าจะข้นกว่าน้ำ...สายเลือดที่ผูกพันกันมาตั้งแต่เกิด....
ทำไม....ทำไมถึงต้องลงเอยเช่นนี้..ทำไมถึงไม่เข้าใจกันถึงเพียงนี้...
ยิ่งนึกก็ยิ่งแค้นใจ..
เลือดข้นกว่าน้ำจริงหรือ....?
สนิทกันดีนะ....
คำเปรยทำให้ชายหนุ่มที่กำลังขยับเสาหินให้เข้าที่เงยหน้ามองหน้าผู้มาเยือน วิหารเวอร์โกที่กำลังซ่อมแซมเต็มไปด้วยเสียงอึกทึกมากมายจนคนฟังฟังได้ไม่ถนัดนัก
ห๊ะ? มิโรนิ่วหน้า....เหมือนเป็นเรื่องแปลกที่คนๆนี้จะเข้ามาคุยกับเขาถึงที่..ไม่แน่ใจว่าเมื่อกี้อีกฝ่ายพูดกับตนหรือไม่กันแน่
เจ้ากับน้องข้าน่ะ.. ซางะมองนิ่งๆ
อ้อ.. น้องเจ้า....น่ะเหรอ? คนพูดทำหน้าอือออแล้วหันไปขยับเสาหินขนาดใหญ่ต่ออีกนิด จนมันมีเสียงกรึ่กออกมาจากด้านฐานจึงค่อยปล่อยมือและผละออกมา
ระยะนี้ได้ยินว่าเขาไปหาเจ้าที่วิหารบ่อยๆ...
ก็ไม่คิดจะสนิทหรอก รำคาญ มาหาอยู่ได้ ข้าจะโดนคามิวแช่แข็งสักวัน...ชายหนุ่มปัดมือปั่บๆแล้วปาดเหงื่อที่กำลังจะไหลเข้าตาของตนออก
แต่เจ้าก็ยอมให้เขาอยู่..
คำพูดนัยๆประชดทำให้มิโรเสมองซางะแล้วชักสีหน้า..
ข้าก็เบื่อจะฟังมันบ่นเรื่องของเจ้าเต็มทนแล้วเหมือนกัน น้องใครก็ช่วยดูแลเองได้มั้ยวะ รำคาญ! คนพูดหันหลังสาวเท้าเดินหนีอีกฝ่ายทันที น้ำเสียงไม่ปิดบังความไม่พอใจสักนิด
ซางะ......ในพวกเราโกลด์เซนต์...ถ้าไม่นับไอโอเรียที่มีปาฏิหาริย์ช่วยให้ได้พี่ชายกลับมาแล้ว....ก็มีแค่พวกเจ้าที่ยังมีคนในครอบครัวเหลืออยู่......
......มันคือสิ่งที่พวกเราที่เหลือไม่มี..
โกลด์เซนต์สกอเปี้ยนทิ้งคำพูดไว้เพียงเท่านั้นแล้วก็จากไป...
ซางะจำคำพูดทุกคำในตอนนั้นได้ดี....มันเหมือนตอกย้ำทิ่มแทงเข้าไปในใจของเขาเสมอมา....
แล้วใครอยากให้มันเป็นอย่างนี้เล่า!
แฮ่ก....แฮ่ก
ร่างสูงค่อยชะลอฝีเท้าลงเมื่อเริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่ทัน คาน่อนทิ้งตัวลงนั่งสูบลมหายใจเข้าปอดและหันมองไปรอบๆจึงรู้ตัวว่าวิ่งมาไกลกว่าที่คิด หันไปทางใดก็มีเพียงความมืดมิด เหลือบเห็นเพียงแสงไฟเบาบางไกลลิบๆ
เกือบออกนอกเขตแซงค์ชัวรีแล้ว...โดยที่ไม่รู้จะไปที่ใด..
กลิ่นดินโชยมากับสายลมพร้อมกับเสียงยอดหญ้าสั่นไหว...ไอน้ำค้างยามค่ำคืนทำให้อากาศยิ่งเย็นเยียบและอ้างว้าง...ลมหนาวเหมือนจะกัดเซาะเข้าไปถึงกระดูก
เหลียวมองไปก็ไม่มีใคร....ไม่มีใครเลย....
แต่นั่นก็ไม่เท่ากับที่ไม่มีคนๆนั้น....
คนที่เป็นเหมือนทุกอย่างของเขา...
คนที่เขายอมสละให้ได้ทุกอย่างแม้กระทั่งการมีตัวตนของตนเอง...เพียงเพื่อให้ได้สิ่งที่คนๆนั้นต้องการ
หวังเพียงสายใยสัมพันธ์...ความรักความห่วงใยจากคนๆนั้น...
ทั้งที่หวังเพียงเท่านั้น.....เท่านั้นจริงๆ...แต่มันก็.....
ช่างเหอะ! คาน่อนกระแทกหลังลงกับพื้นหญ้า สะบัดหัวไล่ความคิดที่มักวนเวียนอยู่ในหัวให้หายไป ขอบตาเริ่มรู้สึกร้อนผ่าว..จนต้องกระพริบตาถี่ๆไล่สิ่งที่ท้นขึ้นมาในดวงตา
แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง...สิ่งที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้ไม่อาจสะกดกลั้นอารมณ์ของตนได้อีกต่อไป..
ท่ามกลางท้องฟ้ากว้างอันมืดมิด....ดวงดาวมากมายต่างทอแสงระยิบระยับราวอัญมณีมากมาย..คาน่อนไม่เคยสนใจเรื่องดวงดาวหากเขากลับจำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้อย่างแม่นยำ....
ดวงดาวสุกใสสองดวงที่โดดเด่นอยู่ในหมู่ดาวใกล้เคียง......
กลุ่มดาวคนคู่....ดวงดาวประจำตัวของพวกเขา...
ดวงที่สูงกว่าคือคัสเตอร์....ดวงที่ต่ำลงมานิดนึงคือพอลลักซ์...สองดวงนี่สว่างที่สุดและเป็นจุดเด่นของกลุ่มดาวคนคู่ล่ะคาน่อน
.....สองดวง..? เด็กน้อยยันกายขึ้นนั่งคู่กับเจ้าของเสียงเจื้อยแจ้วที่กำลังชี้นิ้วขึ้นไปบนท้องฟ้ากว้าง ร่างนั้นหันหน้าที่เหมือนเขาทุกกระเบียดนิ้วมาหาแล้วแย้มยิ้มให้
ใช่ ก็คนคู่ไง คู่คือสองไงเหมือนพวกเราเลย คนพูดหันไปมองฟ้าต่อทั้งยังยิ้มไม่หุบ
เหมือนเหรอซางะ..? คาน่อนขยับตัวนั่งให้ถนัดขึ้น ต้นหญ้าด้านล่างเกิดเสียงเสียดสียามร่างนั้นขยับตัว
เหมือนสิ...เราก็เกิดมาเป็นคู่เหมือนกัน เป็นคนคู่!
เขาเรียกแฝด... เด็กน้อยทำหน้ามุ่ย.....เรื่องแค่นี้ยังรู้เลย...
คาน่อนนี่ชอบขัดจังนะ แฝดผู้พี่ทำเสียงตำหนิ...อุตส่าห์ชวนน้องชายออกมาข้างนอกทั้งทีนอกจากคุณน้องคนนี้จะเอาแต่นอนเวลาเขาชี้ให้ดูดวงดาวต่างๆแล้วยังชอบขัดเขาอยู่เรื่อยไป ไม่รู้เป็นอะไรนักหนา เอาแต่นอนท่าเดียว
แฝดผู้น้องยักไหล่ทำหูทวนลม แต่ดวงตากลมๆก็มองขึ้นไปบนฟ้าอย่างสนใจ...
นี่เหรอดวงดาวของพวกเรา.....?
ใช่แล้วล่ะ ซางะหัวเราะน้อยๆพยักหน้าหงึกๆแล้วมองตามน้องชายขึ้นไป
งั้นดวงนั้นต้องเป็นซางะแน่เลย.....ดวงสูงๆโน่น นายน่ะเก่งกว่าชั้นทุกอย่างเลย.. ดวงตาที่ทอดมองนั้นหมองลง แม้สีหน้าจะยังเป็นปกติแต่ผู้พี่ก็เข้าใจความรู้สึกที่แฝงอยู่เป็นอย่างดี
คาน่อน....
ถึงจะมีดาวที่สว่างโดดเด่นสองดวง....แต่มันก็คือดาวกลุ่มเดียว..... ร่างเล็กๆก้มหน้าลงต่ำ ประโยคนั้นเงียบหายไปสักครู่..
เจมินี่มีได้คนเดียว....คนที่สองเป็นกาลกิณี...
ไม่จริง!!
ใครจะว่ายังไงก็ช่างสิ ยังไงนายก็คือคาน่อน....เจมินี่คาน่อนน้องชายชั้น!
ซางะ... คาน่อนรู้สึกเหมือนขอบตาชื้นน้ำตาขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก....แขนเล็กๆของเด็กน้อยโอบกอดร่างของผู้เป็นพี่ไว้อย่างแนบแน่น...เด็กน้อยสองคนที่หน้าตาพิมพ์เดียวกันต่างกอดกันกลมท่ามกลางทุ่งหญ้ากว้าง..
คำพูดเพียงในตอนนั้นทำให้เขาไม่เคยรู้สึกเสียใจที่ต้องสละทุกสิ่งให้ผู้เป็นพี่ชาย...
แม้จะต้องไม่มีตัวตน....ต้องตกอยู่ในคำครหาของการเป็นกาลกิณีตามคำบอกเล่าแต่โบราณก็ไม่เป็นไร..
ถึงภายภาคหน้าจะมีเพียงความอ้างว้างสำหรับคนที่ไม่มีตัวตนอย่างเขา...ไม่ว่าจะต้องเจอกับอะไร....
ขอเพียงมีความอบอุ่นนี้.....มีสายใยหัวใจของคนๆนี้...
มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาก้าวต่อไปได้...
แต่ทำไมกัน.....ซางะ....
คำพูดเหล่านั้น.....ความอบอุ่นเหล่านั้น......
มัน.....ไปไหน......?
กลุ่มดาวคนคู่... คาน่อนหัวเราะเบาๆกับตนเอง...ประกายดาวส่องสว่างจากดาวทั้งสองที่ใครคนหนึ่งเคยชี้ชวนให้ดูนั้น....บัดนี้เด่นสง่าอยู่บนฟ้ากว้างเบื้องหน้าเขา..
มันยังคงส่องสว่างไม่ต่างจากวันนั้น....แต่กลับไม่มีมือที่ชี้ชวนให้ดูในวันนั้น...
ซางะ...
โลกของชั้น....หล่อเลี้ยงด้วยความรักและความอบอุ่นจากคนเพียงคนเดียว....ในขณะที่นายไม่ใช่...
โลกของชั้น....พร้อมจะดับวูบเพียงเพราะนายหายไป....
โลกของชั้น...ไม่เคยมีใครนอกจากนาย...
แต่นาย.....ก็เลือกที่จะทิ้งชั้นไป...
ไปสู่ภาระหน้าที่ในโลกของนาย.....เพียงลำพัง...
หยาดน้ำใสหยดลงบนใบหญ้า..ร่วงหล่นแล้วซึมหายลงไปในพื้นดินราวกับไม่เคยมีตัวตน...
-------------------------------------------------------------------------------------------
to be continued