Chapter 13 : Born to be Poor Manภายในห้องที่มีเพียงแสงสลัวเลือนรางที่ลอดเข้ามาจากหน้าต่างบานใหญ่ที่ถูกปิดม่านจนมิด แสงสลัวนั้นทาบทาลงมาบนแผ่นหลังเปลือยเปล่าของชายผู้นอนคว่ำอยู่บนเตียงอันยุ่งเหยิง ผ้าห่มเนื้อบางพาดอยู่บนต้นขาขาวเนียนที่ประดับด้วยรอยฟันสีแดงก่ำ เมื่อสังเกตให้ดีก็จะพบว่าไม่เพียงแต่ที่ต้นขาเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงแทบทุกตารางนิ้วบนร่างกายนี้ที่ถูกฝากฝังร่องรอยรักเอาไว้อย่างไม่ผ่อนปรน
..อือ....
เสียงครางแหบโหยกับนิ้วเรียวที่กระดิกน้อยๆทำให้แน่ใจว่าคนคนนี้ไม่ใช่ศพที่เพิ่งผ่านการข่มขืนแล้วฆ่ามา แต่คงจะเป็นแค่ชายผู้ถูกเคี่ยวกรำด้วยร่างกายของพี่ชายร่วมสายเลือด...ฝาแฝดผู้มีอาการหน้ามืดไปแล้วคนนั้น...
อย่างช้าๆแพขนตาสีอ่อนค่อยๆฝืนลืมขึ้นด้วยความยากลำบาก ดวงตาสีน้ำเงินเข้มเต็มไปด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง ถึงแม้เวลานี้จะไม่มีกุญแจมือมาพันธนาการไว้ แต่คาน่อนก็ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้วด้วยซ้ำ
...พี่.....พี่.....บ้......า....
ด่าด้วยเสียงที่อ่อนระโหยโรยแรง เรียวคิ้วขมวดมุ่นน้อยๆกับความรู้สึกที่เหมือนเคยเกิดเหตุการณ์คล้ายๆอย่างนี้มาก่อน แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับคนที่เพลียจนแสนเพลียแล้ว..มันก็ไม่มีช่องว่างในสมองเหลือพอสำหรับจะขบคิดอะไรมากมายนัก
นี่ข้า..จะต้องอยู่อย่างนี้ไปถึงเมื่อไหร่กัน....สายลมเย็นๆที่พัดมาแตะต้องแผ่นหลังที่เปล่าเปลือย ทำให้รับรู้ว่าเป็นอีกวันที่ตนก็ยังเปลือยเปล่า ช่วงเวลากว่าครึ่งเดือนที่คาน่อนไม่ได้สัมผัสกับสิ่งที่เรียกว่าเสื้อผ้าอีกเลย และถึงว่าแต่เดิมจะไม่นึกสนใจอะไรนักกับการเปลือยกายอวดรูปลักษณ์งดงามของตน แต่ว่า...หลังจากที่ร่างกายนี้ถูกเชยชิมมากว่าร้อยครั้ง มันก็ทำให้คาน่อนปรารถนาที่จะได้เสื้อผ้ากลับคืนมา เพื่อปกปิดร่องรอยอันน่าอับอายบนร่างกายนี้...
อือ..
เสียงครางแผ่วๆกับกล้ามเนื้อที่ปวดไปทุกส่วน บางทีมันอาจเป็นอารมณ์ขันอันน้อยนิดที่ทำให้เงาแห่งเจมินี่อดสงสัยไม่ได้ว่า อะไรจะเกิดขึ้นหากเขาคนนี้กลายเป็นคุ้นชินกับการไม่สวมเสื้อผ้าไป...?
สมองทำการประมวลผลด้วยความสงสัย ก่อนที่ชายหนุ่มจะได้บทสรุปออกมาอย่างรวดเร็ว หากว่าคนอย่างเขาที่มีรูปลักษณ์อันงดงามจับตานี้คิดจะเปลือยกายจริงแล้ว ก็เป็นไปได้สูงว่าจะต้องมีเหล่าจิตรกรมากมายมาขอใช้ภาพของเขาเพื่อวาดภาพ กำเนิดวีนัส ฉบับคาน่อน และมันก็คงเป็นโชคดีที่ตัวเขายังไม่นึกอยากจะเปลือยกายเดินไปไหนมาไหน ไม่อย่างนั้นแล้ว..รูปปั้นเดวิดก็คงต้องตกจากตำแหน่งชายงามอันดับหนึ่งเสียแล้ว!
ความคิดที่เรียกเสียงหัวเราะขบขัน ก่อนที่เสียงหัวเราะจะกลายเป็นเสียงสูดปากครางกับความเจ็บปวดที่รวดร้าวอยู่ในร่างกาย มันเจ็บมากจนแม้เวลานี้ก็ยังทำให้คาน่อนแทบน้ำตาซึม กระนั้นแล้วก็อย่าหวังเลยว่าตัวเขาคนนี้จะยอมถอดใจ
ไม่ว่ายังไงข้าก็ไม่ยอมถูกกดอีกแล้ว..!!มันช่างเป็นความฝันอันสูงสุดของคนที่เฝ้าย้ำคำนี้กับตัวเองมานับครั้งไม่ถ้วน เพียงเพื่อจะถูกกดลงในสถานที่ต่างๆในห้องนับครั้งไม่ถ้วนเช่นกัน แต่ถึงอย่างนั้นชายหนุ่มก็ยังไม่ลดละความพยายาม เมื่อข้อมือขาวๆกระชากสายโซ่อีกครั้งและอีกครั้ง เพื่อจะพบว่า.......
แคร้ง...!!โซ่เหล็กกล้าที่ยึดข้อมือของคาน่อนไว้กับเสาเตียงกลับหลุดออกมาอย่างง่ายดาย ให้ดวงตาคู่สีน้ำเงินถึงกับเบิกกว้างด้วยเจ้าเครื่องพันธนาการนี้ได้ผูกมัดเขาเอาไว้อย่างซื่อสัตย์ต่อซางะมาตลอดหลายวัน แต่แล้วทำไม..อยู่ดีๆวันนี้มันกลับหลุดออกเสียเอง?
เพราะอะไรกัน?เจมินี่ คาน่อนไม่โง่พอที่จะไม่รู้ว่ามันต้องมีความนัยอะไรซ่อนอยู่ แต่ในความไม่โง่นั้น สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวขัดขวางระดับสติปัญญาก็คงจะเป็นความขี้เกียจเกินกว่าจะขบคิด เมื่อร่างโปร่งเพียงแค่เอียงคอมองโซ่เส้นนั้นนิดหน่อย รู้ว่ามันไม่ชอบมาพากล แต่ว่า...คนอย่างคาน่อนก็ไม่เคยปฏิเสธการท้าทายมาก่อนเช่นกัน
ในเมื่อเปิดทางให้ข้าหนีแบบนี้..ข้าก็คงต้องลองหนีหน่อยแล้วใช่มั้ยล่ะ ซางะ!!
แม้ว่าการหัวเราะออกมาแต่ละครั้งจะส่งแรงกระเทือนเข้าไปถึงในช่องทางที่บอบช้ำ แต่ถึงอย่างนั้นคาน่อนก็ไม่อาจห้ามเสียงหัวเราะของตนได้ เมื่อรีบลนลานลงจากเตียงด้วยความเร็วเท่าที่ร่างกายในตอนนี้จะอำนวย มือคว้าเสื้อผ้าของพี่ชายที่วางพาดอยู่แถวนั้นขึ้นมาสวม แล้วสังขารอันร่อแร่ก็ค่อยๆประคองตนเองออกไปจากวิหารเจมินี่!!
ในเวลานั้นมันเป็นเวลายามเที่ยงตรง...แสงอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาบนร่าง กับท้องฟ้าที่เป็นสีสันสดใสไม่เคยทำให้คาน่อนรู้สึกดีใจเท่านี้มาก่อน ดวงตาคู่สีน้ำเงินมองภาพของท้องฟ้าที่ตนไม่ได้เห็นนานวัน มองพื้นดินที่ตนไม่ได้เหยียบย่างนานวัน แล้วหัวใจก็เต้นแรงขึ้น..แรงขึ้น...กับความตื่นเต้นที่ถาโถมเข้ามาในใจ!!
มันเป็นเหมือนสัญชาตญาณดิบที่ทำให้ร่างโปร่งเลือกจะตะเกียกตะกาย พาร่างของตนขึ้นไปบนเนินเขาที่สูงที่สุดในแซงค์ทัวรี่ แม้ลมหายใจจะหอบสั่น แม้ว่าร่างกายจะยังคงเจ็บปวดไปทุกส่วน แต่ถึงกระนั้นมันก็คือวันประกาศอิสรภาพที่เจมินี่ คาน่อนเฝ้ารอคอยมานานแสนนาน รอคอยจนเมื่อเวลามาถึงก็ไม่อาจหักห้ามความปรารถนาที่จะแบ่งปันอิสรภาพนี้ให้ทุกผู้คนได้รับรู้
เมื่อชายหนุ่มปีนขึ้นไปถึงบนหน้าผา ดวงตาสีน้ำเงินเป็นประกายระยับยามเมื่อป้องปากตะโกนออกมาสุดเสียง
Freedom!!!!!....dom! dom! dom!...คำประกาศอิสรภาพที่ภูมิประเทศกลางป่าเขาช่วยทำให้เสียงสะท้อนออกไปอย่างรวดเร็ว แต่อนิจจาที่เสียงที่สะท้อนไปมานั้นกลับดังชัดแค่คำหลัง และเพราะความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆนี่มันก็ทำให้ทุกผู้ที่ได้รับฟังล้วนเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง...!?
1 ชั่วโมงต่อมา
ซาจิทาเรียส ไอโอรอสก้าวกึ่งกระโดดขึ้นมาตามบันไดทางเข้าสู่วิหารเคียวโก สถานที่ที่เพิ่งมีการผลัดเปลี่ยนตัวประมุขคนใหม่ และก็เป็นสถานที่ที่นับแต่เจมินี่ ซางะได้เป็นเคียวโก..ชายหนุ่มก็เริ่มหมกตัวอยู่ในห้องทำงานเก็บเสียง เพื่อสะสางงานทุกอย่างที่เคียวโกคนก่อนทิ้งไปเพราะมัวแต่หมกมุ่นกับการพนัน
รอยยิ้มเกลื่อนบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ผลักประตูห้องทำงานเข้าไปอย่างถือวิสาสะ อาจจะกล่าวได้ว่าในแซงค์ทัวรี่นี้ นอกเหนือจากผู้เฒ่าทั้งสอง และคาน่อนแล้ว..ก็คงมีเพียงแค่ไอโอรอสที่ไม่หวั่นกลัวต่อโทสะของชายผู้เป็นเพื่อนมาตั้งแต่สมัยเด็ก
ไง ซางะ!
เสียงทุ้มเอ่ยทักด้วยความแจ่มใสกว่าเคย เมื่อเหลือบตามองไปยังโต๊ะเล็กมุมห้องที่สกอร์เปี้ยน มิโรกำลังนั่งน้ำตาตกในช่วยทำงานหลังขดหลังแข็งอยู่ มันเป็นบทลงโทษสำหรับคนที่กล้าพอจะพาผู้หญิงมาล่อลวงคาน่อน และบทลงโทษเช่นนี้ที่ดูไม่เหมือนรุนแรงนัก หากสำหรับคนที่ถนัดในการใช้กำลังมากกว่าสมองแล้ว งานนี้ก็ไม่ต่างอะไรจากนรกบนดินชัดๆ
ช่วยด้วย...!! มิโรพยายามส่งสัญญาณตาเพื่อขอความช่วยเหลือ กระนั้นชายหนุ่มก็คงลืมไปว่าคนคนนี้คือหนึ่งในคนที่เกรียนได้ไม่แพ้เจมินี่ผู้น้องเลยทีเดียว
เจ้าเสียสติรึเปล่า มิโร? ไอโอรอสส่งสัญญาณทางสายตาถามกลับ พร้อมด้วยสีหน้าที่งุนงงอย่างเหลือเชื่อ
ทำไมข้าต้องช่วยเจ้าด้วยล่ะ ในเมื่อแบบนี้ก็สนุกดีออกจะตายแม้การสื่อสารกันทางสายตาจะทำให้ไม่อาจเข้าใจได้ครบถ้วนกระบวนความ แต่ในดวงตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงคู่นั้น และบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยความใสซื่ออย่างเสแสร้งนั่นก็มากพอจะทำให้มิโรนึกอยากลบคำสบประมาทที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นโกลด์เซนต์ผู้มีท่าไม้ตายที่ครองสถิติไม่เคยฆ่าใครได้ด้วย ท่าไม่ตาย นี้ได้สำเร็จ ด้วยการแทงเข็มพิษลงบนร่างของคนตรงหน้า แล้วมองดูไอโอรอสนอนชักกระแด่วๆอยู่กับพื้นก็คงไม่เลวทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ธนูและแมงป่องจะได้เปิดฉากสงครามข้ามเผ่าพันธุ์ เจมินี่ ซางะก็วางเอกสารในมือลง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อที่อัญเชิญตัวเองเข้ามาในห้องทำงานนี้ในที่สุด
เจ้าคิดจะเล่นหูเล่นตากับมิโรก็เป็นเรื่องของเจ้า ไอโอรอส แต่ถ้างานของหมอนั่นไม่เสร็จในวันนี้ ข้าจะเอาครึ่งหนึ่งไปแบ่งให้เจ้าทำด้วย
คนที่ถูกเข้าใจว่าเล่นหูเล่นตาหัวเราะเบาๆ ด้วยไอโอรอสไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงกลัวในเรื่องนี้ เพราะกว่าที่ซางะจะยอมมอบหมายงานเอกสารให้เขาทำนั้น มันก็คงต้องรอให้ไฟนรกกลายเป็นน้ำแข็ง คาน่อนกลายเป็นคนสุภาพอ่อนโยนเสียก่อนนั่นแหละ ซางะจึงจะวางใจให้เขาคนนี้ที่บวกเลขได้แค่ไม่เกินสองหลักมาช่วยงานเอกสาร
อย่าซีเรียสนักสิ ท่านเคียวโก เดี๋ยวตีนกาก็ขึ้นเร็วหรอก ว่าอย่างขบขัน ก่อนจะขยับเท้าเข้ามาใกล้โต๊ะทำงานของประมุขแซงค์ทัวรี่มากขึ้นอีกก้าวหนึ่ง เมื่อชะโงกตัวเข้าไปเอ่ยถาม นี่เจ้าปล่อยให้คาน่อนเป็นอิสระแล้วอย่างนั้นรึ ซางะ?
ข่าวไวดีนี่ เสียงทุ้มตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาจากเอกสารในมือ เจอกับคาน่อนเข้ารึไง?
ไม่ได้เจอตัวหรอก
ไอโอรอสพยายามอย่างมากที่จะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ เมื่อสิ่งที่ตนกำลังจะเอ่ยต่อจากนี้ไปคือเรื่องที่ทุกคนต่างก็กำลังปิดกันให้แซ่ดถึงเสียงตะโกนที่ดังก้องลงมาจากหน้าผา เสียงนั้นทะลุทะลวงรูหูของทุกคนกับความหมายเดียวที่ต่างสรุปออกมาตรงกัน!?
กระนั้นทั้งที่เวลานี้ในแซงค์ทัวรี่ไม่มีบทสนทนาอื่นนอกเหนือไปจากคำพูดที่คาน่อนตะโกนออกมา แต่ก็ยังมีคนอยู่สองคนที่ไม่ได้รับรู้เรื่องนี้ด้วยอันเนื่องมาจากห้องเก็บเสียงที่ทำงานอยู่ และเพียงผู้เดียวที่กล้าพอจะเอาเรื่องนี้มาบอกให้ซางะฟัง ก็คงมีเพียงเซนต์แห่งราศีธนูผู้ไม่รักตัวกลัวตายเท่านั้น
เมื่อตอนเที่ยงนี้เอง ดูเหมือนว่าน้องชายของเจ้าจะปีนขึ้นไปบนหน้าผา แล้วก็ตะโกนคำว่า
Condom ออกมาซะลั่นทีเดียว!!
พรวด!!สกอร์เปี้ยน มิโรถึงกับสำลักน้ำชาออกมากับคำที่ได้ยิน สองตาเหลือกค้างมองไอโอรอสที่กำลังกลั้นหัวเราะจนตัวสั่น ก่อนจะเบนสายตาไปยังร่างสูงในชุดคลุมสีดำผู้เหมือนจะชะงักไปชั่วขณะกับสิ่งที่ได้ยินนั่น มือที่ถือปากกานิ่งค้างไปหลายนาที..ก่อนที่ปลายปากกาจะถูกจรดลงบนเอกสารอีกครั้ง
ชอบหาเรื่องยุ่งๆใส่ตัวไม่เปลี่ยนเลย
เสียงที่เปรยเบาๆอย่างไม่ได้หมายความถึงเพื่อนที่ยืนอยู่ตรงหน้า แต่เป็นหมายถึงน้องชายผู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วจะตะโกนคำอะไรออกมาก็แล้วแต่ แต่คำว่า Condom ที่ไอโอรอสเก็บมาเล่าให้ฟังนั้น ก็มากพอที่จะทำให้จิตด้านมืดของเขาออกอาการระริกระรี้อยู่ในใจแล้ว
นึกไม่ถึงเลยว่าลูกแมวน้อยจะขี้อายจนถึงขนาดต้องบอกความต้องการกับข้าทางอ้อมแบบนี้ ด้านมืดเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดังคาด เมื่อใจลอยคิดไปถึงจำนวนของ condom ที่มีสต็อคเก็บเอาไว้ในวิหาร
เฮ้ย! เปลี่ยนตัวกันเดี๋ยวสิ! ให้ข้าโทรไปสั่งมาเพิ่มก่อนเย็นนี้ค่อยโทรสั่งก็ยังทันถมไป ซางะด้านดีเอ่ยตอบอย่างไร้ความสนใจกับอาการระริกระรี้ของอีกฝ่าย ถึงยังไงข้าก็ไม่คิดว่าเจ้าน้องชายหัวดื้อนั่นจะกลับมาภายในวันนี้อยู่แล้ว
หมายความว่าไงน่ะ? ไอโอรอสรีบเสนอหน้าเข้ามาถาม ตามประสาคนยึดคติ เรื่องของชาวบ้านคืองานของเรา อย่างเคร่งครัด นี่เจ้ายอมปล่อยคาน่อนให้หลุดมือไปแล้วจริงๆเรอะ ถึงได้ยอมให้หมอนั่นไม่กลับมาด้วย?
การปล่อยมือหรือไม่ปล่อยมือ มันเป็นเรื่องแล้วแต่คนจะคิด... มือที่ถือปากกานิ่งไปเล็กน้อย เมื่อรอยยิ้มปรากฏบนมุมปากได้รูปกับแผนการอันฉลาดล้ำที่ถูกถักทอขึ้นมาเพื่อใช้ร้อยรัดคนคนนั้นให้อยู่ใต้ร่างเขาตลอดไป บางครั้งการผ่อนสายโซ่ลงบ้าง ก็จะทำให้เจ้าแมวจอมดื้อรู้อาณาเขตของตนมากขึ้น...
คำตอบที่เป็นปริศนาพร้อมทั้งเสียงหัวเราะเบาๆอย่างที่ทำให้มิโรถึงกับขนลุกเกรียว มันเป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มรู้สึกผิดต่อคาน่อนที่ไม่ยุให้นาตาชาเอาจริงยิ่งกว่านี้ ไม่อย่างนั้นแล้วคาน่อนก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในเงื้อมมือของจอมมารผู้สุดแสนจะหน้ามืดคนนี้...
...ขอให้เป็นสุขเป็นสุขเถอะนะ คาน่อน...เวลาเดียวกันกับที่ซางะกำลังสนทนากับไอโอรอสอยู่ในห้องทำงานของเคียวโก ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าเป็นพิมพ์เดียวกับประมุขแซงค์ทัวรี่คนปัจจุบันก็กำลังยืนอ้าปากค้างอยู่ที่บริเวณแอร์พอร์ต
ขออภัยค่ะ บัตรของคุณถูกระงับการใช้งานค่ะ
พนักงานขายตั๋วสาวแสนสวยตอบทั้งรอยยิ้มหวาน อย่างที่ทำให้คำชวนไปโรงแรมไปด้วยกันถึงกับมาหยุดอยู่ที่ริมฝีปากของคาน่อน กระนั้นแล้วสำหรับคนที่เพิ่งได้ฟังประโยคช็อคโลกมานั้น มันก็เกินกว่าจะมีอารมณ์ไปโรงแรมกับใครได้!!
ว่าไงนะ!!?
คาน่อนถามเสียงลั่นจนแทบกลายเป็นตะโกน มือทุบแรงๆลงกับกระจกนิรภัยที่ใช้กั้นตัวคนซื้อกับพนักงานขายไว้ เมื่อสิ่งที่ได้ยินนั้นมันคือประโยคที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน
หมายความว่าไงที่ว่าบัตรถูกระงับการใช้งาน!!? นี่มันบัตรของเจมินี่ ซางะนะ!!
มันถูกระงับการใช้งานจริงๆค่ะ พนักงานสาวตอบด้วยรอยยิ้มหวานปานจะหยด ดวงตาชม้ายมองรอยจูบที่เปรอะไปทั่วต้นคอขาวๆของหนุ่มตรงหน้า แล้วรอยยิ้มก็ยิ่งหวานกว่าเดิม ดิฉันโทรเช็คกับทางธนาคารแล้ว ดูเหมือนว่าท่านซางะจะเป็นคนระงับบัตรเครดิตใบนี้เอง ดังนั้นท่านคงต้องไปเคลียร์กับท่านซางะบนเตียงเองแล้วล่ะค่ะ
แนะนำด้วยความหวังดีตามประสาสาวที่เสพย์ Y เป็นนิจ แต่มันก็เป็นประโยคที่ทำให้คาน่อนแทบอยากเอาหัวพุ่งชนกระจกนิรภัยให้รู้แล้วรู้รอดเพื่อจัดการฆ่าปิดปากหญิงตรงหน้าซะ แม้ว่าเขาคงจะต้องฆ่าคนให้หมดทั้งประเทศก็ตามจึงจะสามารถหยุดข่าวลือนี้ได้ในที่สุด
ว้อย!! ไอ้พี่บ้า!!
ร่างโปร่งตะโกนลั่นด้วยเสียงระดับ 400 เดซิเบล เมื่อจำยอมถอยออกมาจากหน้าเคาน์เตอร์ซื้อขายตั๋วพร้อมด้วยความโกรธที่พลุ่งพล่านไปทั่วกายกว่าครั้งใด เพราะไม่เคยมีเลยสักครั้งที่ซางะจะระงับบัตรเครดิตของเขา
แกมันเล่นสกปรก!!
ประโยคที่ด่าลมด่าแล้งเพื่อฝากไปถึงตัวพี่ชายที่อยู่ห่างไกลออกไป พี่ผู้คงจะรู้ว่าเขาคงคิดจะเผ่นออกนอกประเทศทันทีที่ทำได้ และเพราะอย่างนั้นจึงได้จงใจตัดเงินของเขาซะ
ให้ตายสิ! นี่ถ้าข้าใช้วิชา Another Dimension ไหวล่ะก็...ชายหนุ่มผู้สิ้นหวังทรุดลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น สำหรับเงาแห่งเจมินี่แล้ว Another Dimension ก็เป็นอีกวิชาที่ตนได้เรียนรู้มา เพียงแต่สำหรับคนที่ใช้อารมณ์นำหน้าสมองแล้ว การต้องเสียเวลาในการใช้วิชานั้นเพื่อข้ามมิติไป มันก็ไม่ได้อารมณ์เท่าเศษเสี้ยวของการวิ่งด้วยสองขาของตนเองเลยสักนิด ได้วิ่งไปพร้อมกับเสพย์รับอารมณ์ที่ทำให้เส้นเลือดในหัวใจสูบฉีดแรงขึ้น และเพราะอย่างนั้นจึงทำให้คาน่อนไม่เคยคิดหรือแม้แต่จะหยุดคิดที่จะใช้วิชานี้มาก่อน
จนกระทั่งเวลานี้ที่พี่ชายฝาแฝดของตนได้ทำทุกวิถีทางเพื่อไล่ต้อนให้คาน่อนต้องจนตรอก มันก็กลายเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวที่เงาแห่งเจมินี่คิดที่จะใช้วิชานี้ขึ้นมา ทว่า........
ไอ้หน้ามืดหื่นไม่รู้จักพอ!!กำปั้นกระแทกโครมลงกับพื้นด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงสุดปากครางจากแรงกระเทือนที่รวดร้าวเข้าไปถึงในช่องทางที่บอบช้ำ จริงอยู่ว่า Another Dimension เป็นวิชาประจำตัวของเจมินี่เซนต์ แต่มันก็ต้องใช้พลังระดับหนึ่งในการที่จะใช้วิชานี้ ซึ่งพลังนั้นก็หมายความรวมถึงทั้งพลังคอสโมและพลังกาย แต่น่าเสียดายที่พลังกายของคาน่อนในเวลานี้แทบจะไม่ต่างอะไรไปจากคนที่จำเป็นต้องใช้ไม้เท้าเพื่อช่วยพยุงกายเลยสักนิด...
บัตรเครดิตก็ใช้ไม่ได้ พลังก็ใช้ไม่ได้ แล้วแบบนี้จะหนียังไงกัน...!?ช่างเป็นคำถามอันน่าเศร้าที่ก่อตัวขึ้นในใจของคนที่ฝืนลุกขึ้นมาด้วยอาการติดจะซวนเซ เห็นได้ชัดว่าเขาคนนี้ไม่อาจหนีไปได้ด้วยพลังของตน และไม่อาจหนีไปได้ด้วยเครื่องบินข้ามประเทศ แล้วหนทางอื่นเล่ายังมีอีกหรือไม่?
ถ้าแอบลอบขึ้นเรือหลบออกนอกประเทศก็อาจจะเป็นไปได้รึเปล่านะ?
ความคิดที่ส่อแนวโน้มไปในทางมิจฉาชีพกับพวกข้ามแดนแบบผิดกฎหมาย สำกรับคาน่อนผู้มีใบหน้าหนาทนเยี่ยงฉาบไว้ด้วยปูนตราช้างแล้ว ต่อให้ต้องถูกด่าว่าเป็นพวกลักลอบข้ามแดนแบบหนีภาษีหรืออะไรก็แล้วแต่ ขอเพียงแค่เขาไม่ต้องถูกกดอีกก็พอ..!!
งั้นก่อนอื่นก็ไปที่ท่าเรือ..
เสียงทุ้มพึมพำกับตนเองเบาๆ ยามเมื่อก้าวขาออกมาจากบริเวณแอร์พอร์ต ทว่าเพิ่งก้าวออกมาได้เพียงไม่กี่ก้าว กลิ่นอันหอมหวนจากร้านอาหารที่ตนเคยมานั่งกินนอนกินอยู่บ่อยๆก็เรียกดวงตาคู่สีฟ้าให้หันไปมองอย่างอดไม่ได้...
จ๊อก.........เสียงท้องร้องเตือนให้เจ้าตัวนึกได้ถึงอาหารมื้อสุดท้ายที่เป็นเมื่อคืนที่ผ่านมา และเวลานี้ซึ่งก็คล้อยบ่ายมาแล้ว จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกอะไรนักที่จะหิวขึ้นมา ให้ชายหนุ่มตัดสินใจหาของมาเติมให้เต็มท้องก่อนที่จะคิดเรื่องอื่น เมื่อเปลี่ยนทิศทางก้าวไปยังทางเข้าของร้านอาหาร ทว่าเพียงก้าวแรกที่เท้าเหยียบย่างลงบนธรณีประตูนั้นเอง ชายในชุดผู้จัดการร้านก็ก้าวออกมาต้อนรับ
สวัสดีครับ ท่านคาน่อน ต้องขออภัยด้วยไม่ทราบว่าวันนี้ท่านนำเงินสดมาด้วยรึเปล่าครับ?
ถามด้วยรอยยิ้มหวาน อย่างที่ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของคาน่อนถึงกับชะงักค้าง เห็นได้ชัดว่าถึงคาน่อนจะลืมไปแล้วเรื่องบัตรเครดิตที่ถูกอายัด แต่คนอื่นในแวดวงเดียวกันที่เคยรับบัตรเครดิตจากคาน่อนมารูดเสมอนั้น จะได้ยินข่าวนี้มาและไม่ได้ลืมไปด้วย
รอเดี๋ยวนะ
ร่างโปร่งกลืนน้ำลายอึกใหญ่ มือล้วงเข้าไปทั้งสองข้างของกระเป๋ากางเกง หากน่าเสียดายที่...ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองมีเหรียญ 2 ยูโรเหลืออยู่เพียงเหรียญเดียวเท่านั้น...
ผู้จัดการร้านอาหารมือฉมังมองเหรียญยูโรที่วางอยู่บนมือขาวสะอาด ก่อนจะเลื่อนสายตาขึ้นมายังรอยแดงที่เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการถูกมัดบนข้อมือ แล้วเลื่อนสายตามายังปลอกคออันแสนสะดุดตาบนคออีกฝ่าย แล้วเขาก็ได้แต่ส่ายหน้าน้อยๆอย่างเห็นใจ เมื่อหันหลังเดินกลับเข้าไปในร้านเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะเดินกลับมาอีกครั้งพร้อมด้วยของสิ่งหนึ่งในมือ
นี่ถือเป็นอภินันทนาการจากร้านของเราครับ หวังว่าทางเราจะมีโอกาสได้ต้อนรับท่านในฐานะลูกค้าอีกนะครับ
มันคือความหวังดีจากทางร้านผู้มอบขวดใบเล็กพิมพ์ตราประทับ กระทิงแดง คำเตือน : โปรดอย่าดื่มเกินวันละ 2 ขวด ถูกยัดเข้ามาในมือของคนผู้ได้รู้ในที่สุดว่า ไม่เพียงแต่ตนจะไม่อาจหนีออกนอกประเทศเท่านั้น แต่ยังไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าวอีกด้วย....
...สิ้นหวังแล้ว เจมินี่ คาน่อน...++++++++++++++
ในเย็นของวันที่คาน่อนหลบหนีออกมาจากวิหารเจมินี่ ฝนต้นฤดูก็เริ่มตก..จากโปรยปรายจนกลายมาเป็นพายุ จากพายุที่มีเพียงลมกรรโชกแรง ได้พัฒนาจนกลายเป็นพายุลูกเห็บ...ฝนตกทั้งวันทั้งคืน ทั้งยังรุนแรงอย่างที่ทำให้สนามบินต้องระงับเที่ยวบิน เรือไม่อาจแล่นออกห่างจากชายฝั่ง มันทำให้คนทั่วไปที่มีสมองพอย่อมเลือกที่จะหลบฝนอยู่ในบ้านมากกว่าจะออกมาผจญภัยอยู่ด้านนอก หากสำหรับคนหัวดื้อและไร้สามัญสำนึกบางคนบางคนแล้ว ต่อให้พายุลูกเห็บกลายเป็นไซโคลนขนาดย่อม คาน่อนก็คงไม่มีวันคิดที่จะซมซานกลับไปยังบ้านหลังนั้นอยู่ดี
ใช่ ไม่คิดจะกลับไปหาพี่ชายเด็ดขาด!!...คืนวันที่ 2 หลังจากที่เจมินี่ผู้น้องหนีออกจากบ้าน...ภายในวิหารราศีคนคู่ที่ตกแต่งด้วยสไตล์กรีซโบราณผสมผสานกับแนวโกธิคและฮวงจุ้ยแบบจีน การตกแต่งที่ส่งผลให้ห้องอาหารมีลักษณะเหมือนท้องพระโรงของฮ่องเต้เวลาออกว่าราชการ กระนั้นวอลเปเปอร์ที่ปิดผนังกับเป็นสีดำของราตรีที่ตัดกับผืนพรมสีแดงฉาน โต๊ะอาหารยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตาที่สามารถรองรับโกลด์เซนต์ในชุดคล็อธเต็มยศได้ทั้ง 12 คน โดยที่ยังมีที่ว่างเหลือเฟือ ในเวลานี้กลับถูกครอบครองไว้ด้วยชายเพียงผู้เดียวที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ
นั่นคือ เจมินี่ ซางะ ผู้อยู่ในชุดลำลองสีขาวสะอาด ศอกข้างหนึ่งท้าวลงกับโต๊ะ ขณะที่มืออีกข้างยังคงถือหนังสือเล่มหนาที่กำลังใจจดจ่ออยู่ ดวงตาคู่สีน้ำเงินให้ความสนใจเพียงตัวหนังสือในนั้น และละเลยโดยสิ้นเชิงต่อสิ่งที่อยู่บนโต๊ะ อาจจะกล่าวได้ว่าละเลยต่อทุกสิ่ง จนกระทั่งเมื่อเสียงฝีเท้าคู่หนึ่งดังเข้ามาให้ได้ยิน...
รอยยิ้มพรายปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ปิดหนังสือในมือลงก่อนจะวางอย่างไร้ความสนใจในเครื่องฆ่าเวลานี่อีก เมื่อสิ่งเดียวหรือคนผู้เดียวที่ทำให้เจมินี่เซนต์ผู้สูงศักดิ์อย่างเขาต้องนั่งรอ กลับ มาในที่สุด
มันต้องใช้เวลานานหลายนาทีกว่าที่เสียงฝีเท้านั้นจะดังชัดขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งร่างของชายผู้หนึ่งก้าวผ่านกรอบประตูห้องอาหารเข้ามา..!!
กลับมาแล้วหรือ คาน่อน
เสียงนุ่มทุ้มเอ่ยทักทาย อย่างที่ทำให้เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งโหยง ร่างโปร่งผู้อยู่ในสภาพที่เรียกอย่างน่ารักคงอาจพอฝืนใจเรียกได้ว่า มอมแมม แต่ถ้าเรียกกันตามความเป็นจริงคือเปื้อนไปด้วยโคลนทั้งตัว ถึงกับถอยหลังไปหลายก้าว วงหน้าซูบเซียวเต็มไปด้วยความตื่นตกใจเมื่อดวงตาคู่สีน้ำเงินที่เคยจับจ้องมองพื้นอย่างคนที่จำเป็นต้องมองทางถึงจะเดินต่อได้ ได้สะท้อนภาพของพี่ชายฝาแฝดอีกครั้ง!
ซางะ!?
มันช่างเป็นเรื่องน่าเศร้าสำหรับคนที่ตกระกำลำบากอยู่ภายนอกท่ามกลางพายุฝนถึง 2 วันจะได้พบเจอ ตลอดสองวันที่ผ่านมาด้วยความดื้อรั้นเพียงอย่างเดียวที่เป็นแรงส่งให้คาน่อนไม่ยอมกลับบ้าน ชายหนุ่มไม่สนใจแม้ว่าตัวจะเปื้อนไปด้วยฝนและคราบโคลนที่เกิดจากการซวนเซหกล้ม ไม่สนใจแม้ยามที่ลมพัดมาโดนกายที่เปียกปอนอย่างชวนให้หนาวสั่น ใช่..เขาอาจไม่สนใจอะไรเลยก็ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะความหิวโหยและอดอยากอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อนในชีวิต
จริงอยู่ว่าเจมินี่ คาน่อนอาจจะเป็นคนที่ติดดินไม่เหมือนกับฝาแฝดผู้รสนิลมเลิศหรูและหัวสูงจนแทบลอยขึ้นไปบนฟ้า คาน่อนไม่รู้สึกอะไรกับการคลุกดินคลุกโคลนหรือนอนตามใต้สะพานลอย แต่ตัวเขาก็ไม่เคยรับรู้มาก่อนจนกระทั่งเวลานี้ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น ตนเองได้ถูกพี่ชายเลี้ยงดูอย่างประคบประหงมแค่ไหน เพราะอย่างน้อยที่สุดก็ไม่เคยมีเลยสักครั้งในชั่วชีวิตที่ผ่านมา ที่คาน่อนจะได้รู้จักกับคำว่าอดอยาก
และเพราะไม่เคยได้รับรู้กับความรู้สึกที่หิวจนตาลายมาก่อน มันจึงทำให้แม้แต่ความดื้อรั้นก็ยังต้องพ่ายแพ้กับความต้องการที่จะกลับมาหาอาหารอร่อยๆและที่นอนอุ่นๆอันเป็นปัจจัยพื้นฐานของมนุษย์ คาน่อนยอมอดทนรอถึงยามดึกเพื่อจะแอบลอบกลับเข้ามาในวิหารคนคู่โดยไม่ให้ใครรู้ แต่ใครเลยจะคิดว่า...ซางะนั้น..ชั่วร้ายกว่าที่คิดมากนัก
นั่นคือบทสรุปอันสมเหตุสมผลที่สุด สำหรับคนที่เบือนสายตาไปยังจานมากมายที่วางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ มันมีทั้งพายกรีซที่สอดไส้ชีสและผักขม ลาซานญ่าสไตล์กรีซที่ทำจากใบองุ่นยัดไส้ข้าว สลัดที่ปรุงรสด้วยน้ำมันมะกอก บาร์บีคิวเนื้อลูกวัวหมัก และอื่นๆอีกมากมายที่ล้วนแล้วแต่เป็นของโปรดของเขา และทั้งหมดนั่นก็ยังมีไอร้อนกรุ่นขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัดว่าเพิ่งทำเสร็จในเวลาไม่นานนัก และเพียงแค่กลิ่นหอมของมันก็ช่าง.....
เท้ากำลังจะก้าวเข้าหาอาหารด้วยความลืมตัว ถ้าไม่เพราะชั่วนาทีก่อนหน้านั้นที่ดวงตาคู่สีน้ำเงินบังเอิญเหลือบไปมองดวงตาอีกคู่ที่เป็นเฉดสีเดียวกัน ดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความขบขันอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะเมื่อซางะยื่นมือออกมาหา
มาสิ ขอมือหน่อย คาน่อน
ประโยคที่ทำเอาคนที่เผลอไผลไปกับอาหารถึงกับชะงักเท้าลงทันควัน ฟันคมขบริมฝีปากแน่นกับความชั่วร้ายของคนตรงหน้า
ไปตายซะ ไอ้พี่บ้า!!
ร่างโปร่งที่เปียกปอนไปทั้งตัวได้ความดื้อรั้นกลับมาจากประโยคเดียวของผู้พี่ เมื่อหันหลังขวับอย่างหมายสะบัดหน้าจากไป ถ้าไม่ใช่เพราะมือของซางะที่ยกฝาครอบอาหารจานหนึ่งออก
ทันทีที่ฝาครอบหายไป กลิ่นอันหอมหวานของเครื่องเทศราคาแพงก็โชยเข้าจมูกของคนที่ไม่มีอะไรตกถึงท้องมาสองวันเต็มๆ วงหน้าที่ติดจะซูบเซียวหันกลับมาเพื่อจะเห็นภาพของเนื้อเสียบไม้ย่างที่ถูกปรุงรสด้วยเครื่องเทศชั้นดีที่สุดเท่าที่หามาได้ มันเป็นอาหารที่คาน่อนชอบที่สุด และสำหรับคนที่ต้องเห็นใบแจ้งหนี้จากการใช้จ่ายบัตรเครดิตที่ถูกส่งมาจากธนาคารทุกเดือนแล้ว ก็มีหรือที่จะไม่รู้เรื่องนี้
มาสิ มันเป็นอีกครั้งกับรอยยิ้มยั่วเย้าบนมุมปาก มือที่ยื่นออกไปหากระดิกนิ้วน้อยๆอย่างท้าทาย อยากกินใช่มั้ยล่ะ เด็กดี
กลิ่นอันหอมหวานของเนื้อผสมผสานกับกลิ่นของเครื่องเทศฉุดรั้งขาของคาน่อนให้ก้าวไปหาอย่างลืมตัว มือที่ชื้นไปด้วยหยาดฝนเผลอไผลวางลงบนมือของพี่ชาย เมื่อสองตายังคงจับจ้องมองเพียงชิ้นเนื้อที่ยั่วน้ำลาย แล้วก่อนที่คาน่อนจะทันได้รู้ตัว ระยะห่างระหว่างตนกับซางะก็กลับกลายเป็นศูนย์ ด้วยมือแกร่งที่กระชากร่างของน้องชายให้นั่งลงบนตัก
ไอ้...!!
อา...
จากเสียงด่ากลับกลายเป็นเสียงครางเบาๆอย่างแสนสุข เมื่อชิ้นเนื้อที่ย่างสุกกำลังพอดีถูกส่งเข้าปาก ฟันขาวงับลงมาก่อนจะเคี้ยวกลืนด้วยนัยน์ตาที่หลับพริ้ม ซึมซาบถึงรสชาติที่ส่งผ่านปลายลิ้นเข้ามาอย่างแสนสุข
เอาเลย... เสียงนุ่มทุ้มกระซิบเบาๆแนบใบหูของคนที่คว้าอาหารขึ้นมากินอย่างหิวจัด ...อาหารบนโต๊ะนี้มันเป็นของเจ้าทั้งหมด คาน่อน
ไม่จำเป็นต้องให้เอ่ยย้ำเป็นครั้งที่สอง มือของผู้เป็นน้องชายก็คว้าอาหารขึ้นมากินไม่หยุด กินโดยไม่สนใจอีกต่อไปว่ากำลังนั่งอยู่บนตักของคนที่ตนพยายามหลีกหนีมาตลอดสองวัน คนที่กำลังนั่งมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของน้องชายพร้อมด้วยรอยยิ้มบางๆบนริมฝีปาก
สำหรับเจมินี่ ซางะ แล้ว..มันเป็นครั้งแรกที่ตนยอมให้ใครสักคนที่เปื้อนโคลนไปทั้งตัวมานั่งอยู่บนตัก แต่เพราะคนคนนี้ช่างดูน่ารักน่าใคร่เหลือเกินในเวลาที่หิวจัดจนลืมตัว และก็เพราะว่าเขากำลังอารมณ์ดีเหลือเกิน..นั่นเพราะในที่สุดตนก็ได้สอนให้ลูกแมวน้อยรู้แล้วว่า มือของใครจะเป็นมือที่ยื่นอาหารให้...
หลังจากนี้ถ้านายหิว..นายก็รู้แล้วว่าจะต้องกลับมาที่ไหน...นั่นคือความจริงในใจที่แสนน่าสะพรึงกลัวของคุณพี่ชาย มันเป็นหลายนาทีผ่านไปที่ดวงตาคู่สีน้ำทะเลมองปลอกคอสีน้ำเงินที่แนบไปกับต้นคอขาวๆ ฟังเสียงกระพรวนที่ดังกรุ๋งกริ๋งตามจังหวะเคลื่อนไหว แล้วมันก็ช่างยากเหลือเกินที่ซางะจะอดใจไม่สัมผัสคนคนนี้
มันคงเป็นโชคดีอันน้อยนิดของคาน่อน ที่จังหวะเดียวกับที่อาหารคำสุดท้ายถูกกลืนลงท้อง มือสากของคนที่อุทิศกายแทนเบาะนั่งก็แตะต้องลงมาบนใบหน้า จับปลายคางให้หันกลับมาสบตา แล้วลิ้นอุ่นๆก็ไล้เลียลงมาบนมุมปาก
.......!!!
ถ้ามีหนทางที่จะร้องกรี๊ซได้โดยไม่ต้องเสี่ยงกับอาการสำลัก คาน่อนก็คงไม่ลังเลยที่จะทำ เมื่อสัมผัสจากปลายลิ้นนั้นค่อยๆไล้เลียแตะต้องลงมา หากก็ทิ้งร่องรอยผ่าวร้อนไว้บนมุมปาก และมันก็ทำให้คนที่ใบหน้าหนาทนอย่างคาน่อนถึงกับหน้าแดงก่ำกับประโยคต่อมาของอีกฝ่าย
มุมปากเจ้ามีอาหารติดอยู่น่ะ
ตอแหล!!ช่างเป็นประโยคที่คู่ควรกับการด่าออกไปให้ลั่น แต่มันก็เป็นประโยคที่ผู้เป็นน้องชายยังไม่มีความกล้าหาญพอที่จะพูดมันออกมา โดยเฉพาะเมื่อตนยังคงนั่งอยู่บนตักของพี่ชายอย่างไร้ซึ่งหนทางหลบหนี..
เอา..เอาไงดี รีบหนีไปตอน...ไม่ทันที่ความคิดจะสิ้นสุดลง ริมฝีปากที่เผยอออกน้อยๆก็กลับถูกฉวยโอกาสด้วยช้อนคันเล็กที่ยัดเยียดเข้าไปอย่างรวดเร็ว แล้วก่อนที่คาน่อนจะทันได้คายออกมาด้วยความตกใจ รสชาติของโยเกิร์ตแบบกรีซที่ผสมผสานน้ำผึ้งกับผลวอลนัทก็ละลายอยู่บนลิ้น อย่างที่ทำให้ความคิดจะหนีหายหลอมละลายไปพร้อมกัน
อร่อยสินะ งั้นก็อ้าปากสิ น้องข้า
มันช่างเป็นภาพอันแสนสุขของพี่ชายผู้ล่อลวงน้องชายฝาแฝดด้วยของหวานสุดโปรด คาน่อนลืมสิ้นทั้งความหวาดกลัว ลืมทั้งความคิดจะหนี เมื่อยอมอ้าปากรับของหวานคำต่อไป ต่อไป และต่อไป...จนหมด
..........อือดังสุภาษิตไว้ เมื่อหนังท้องตึง หนังตาก็หย่อน หลังจากที่ซัดไปจนเต็มคราบ เรือนผมยุ่งๆก็เอนซบลงมาบนแผ่นอกของพี่ชาย ดวงตาคู่สีน้ำเงินหรี่ปรือเหมือนพร้อมจะหลับได้ทุกเมื่อ เวลานี้คาน่อนแทบไม่เหลือความระมัดระวังตัวอีกแล้ว เมื่อเสื้อผ้าของตนถูกเปลื้องออกทีละชิ้นด้วยฝีมือของพี่ชาย แล้วร่างก็ถูกอุ้มลงมาแช่ในสระน้ำอุ่นภายในวิหาร
ภายในสติที่เลือนรางกลับกลายเป็นความเคลิบเคลิ้มกับมือที่ช่วยล้างคราบโคลนออกจากกายอย่างอ่อนโยน เป็นมือนี้ที่ประคองร่างของเขาไว้ตลอดเวลาที่อยู่ภายในสระด้วยกัน เป็นมือนี้ที่โอบอุ้มเขาขึ้นมาเช็ดตัวให้ด้วยผ้าขนหนูนุ่มๆ และก็เป็นมือนี้เช่นกันที่วางร่างของเขาลงบนเตียงอุ่นๆที่แสนคิดถึง
อืมม์....
คาน่อนเวลานี้ห่างไกลจากสภาพหลับสนิทไม่มากนัก ร่างโปร่งนอนหงายงึมงำเบาๆอย่างแทบไม่ได้ศัพท์ แพขนตาหรี่ปรือคล้ายจะเห็นเฉดสีดำผ่านนัยน์ตาไปแวบหนึ่ง กระนั้นสติอันงุนงงก็ทำให้เกินกว่าจะเข้าใจ ไม่ได้เข้าใจอะไรเลยจนกระทั่งร่างของตนถูกรวบเข้าไปในอ้อมแขนที่รัดแน่น!!
แล้วเสียงนุ่มทุ้มที่เจือไว้ด้วยเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายก็ดังขึ้นที่ข้างหู...
ได้ยินว่าเจ้าอยากเล่นกับ Condom อีกไม่ใช่รึไง ลูกแมวน้อย? ฟันคมขบใบหูนุ่มเบาๆก่อนจะไล้ลิ้นไปสัมผัสกับต้นคอขาวเนียน ข้าเตรียมมาให้เจ้าแล้ว ตื่นมาลองกันหน่อยมั้ย?
นั่นคือประโยคที่ทำให้คาน่อนถึงกับขนลุกเกรียว ดวงตาคู่คมลืมพรึ่บเพียงเพื่อจะได้เห็นว่าเฉดสีดำที่ผ่านตาตนไปเมื่อครู่นั้นคือเรือนผมของพี่ชายที่เปลี่ยนแปลงจากสีน้ำทะเลมาเป็นสีของราตรี เช่นเดียวกับดวงตาสีแดงฉานที่สะท้อนซึ่งความหื่นกระหายอันร้อนแรง
จะ..เจ้า...
ร่างโปร่งถึงกับติดอ่าง โดยเฉพาะเมื่อซองหลากหลายถูกโยนลงมาบนตัว แต่ละชิ้นล้วนเป็นถุงยางที่มีทั้งกลิ่น สี รสแตกต่างกันไป ผิวสัมผัสทั้งหยาบ เรียบ ล้วนมีให้เลือกสรร และในมือของคนที่อันตรายที่สุดนั้นก็คือถุงยางสั่นได้อันนั้นเอง!!
ครางนี้มาสนุกกันถึงเช้าเลยนะ เบบี๋..
ไม่เอานะ... วงหน้าที่ดูสดใสขึ้นเล็กน้อยกลับกลายเป็นซีดเผือดอีกครั้ง ร่างโปร่งถอยร่นไปเพียงเพื่อจะชนเข้ากับพนักหัวเตียงอย่างรวดเร็ว ดวงตาคู่งามเบิกกว้างมองร่างแกร่งที่กระโจนเข้าหา แล้วเสียงกรีดร้องครวญครางก็ดังลั่นไปทั่วทั้งวิหาร เตียงนอนที่เคยจัดเรียบร้อนกลับกลายเป็นยับยุ่งอีกครั้ง พร้อมกับความสำนึกในที่สุดของคาน่อน
...นี่มันยังหน้ามืดไม่หายอีกเร้อ..!!?...เช้าวันต่อมา...มันเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วหากก็ดูเชื่องช้านักสำหรับคนที่ถูกทรมานทรกรรมจนแสงแรกของยามเช้ามาเยือน ในเวลานั้นเจมินี่ คาน่อนก็อยู่ในอาการที่ห่างจากคำว่าปางตายไปไม่มากนัก ดวงตาสีน้ำเงินเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตาอย่างคนที่ถูกกระทำให้วิงวอนขอครั้งแล้วครั้งเล่าตลอดค่ำคืน และในเวลานี้เมื่อยามเช้ามาถึง..เรือนผมสีดำของราตรีกาลและเฉดสีเลือดในดวงตา ก็กลับคืนสู่รูปลักษณ์ของเฉดสีน้ำทะเลเช่นเดิม
และเป็นการกลับสู่รูปลักษณ์ของซางะผู้ยังไม่ได้ลิ้มรสคาน่อนในคืนที่ผ่านมาอีกด้วย...
พะ..พอ...พอ...ไม่ไหว..แล้ว....
เสียงครางแหบพร่าอย่างน่าสงสารดังเล็ดลอดจากริมฝีปากที่ช้ำด้วยรสจูบ คาน่อนผู้หวาดผวากับการเปลี่ยนตัวของพี่ชาย พยายามที่จะคืบคลานหนีด้วยอัตราเร็วขนาดหนึ่งนาโนเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งแน่ล่ะว่ามันย่อมไม่มีทางรอดไปจากมือของคนที่ยังแรงดีแม้จะออกกำลังกายบนเตียงมาตลอดค่ำคืน เมื่อมือแกร่งโอบร่างของน้องชายเข้ามาในอ้อมแขนอีกครั้ง
ไม่อ๊าวววววววววววววว..!!!
ใจเย็นๆ สบายใจเถอะ คาน่อน มืออุ่นแตะต้องลงมาบนใบหน้าของน้องชายที่แตกตื่นจนแทบไม่เหลือสติ จับปลายคางมนเพื่อบังคับให้ดวงตาของคาน่อนมองลึกเข้ามาในดวงตาของตน ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าอีกโดยที่เจ้าไม่ต้องการ
อะไรนะ!!?
นั่นคือคำสัญญาที่ทำให้คนที่กำลังดิ้นปัดๆถึงกับอึ้งค้าง ดวงตาคู่คมเบิกกว้างมองพี่ชายผู้หน้ามืดมาตลอดจนถึงนาทีที่แล้วอย่างไม่อยากเชื่อสายตา กับการเปลี่ยนแปลงไปเหมือนหน้ามือกับหลังเท้าเช่นนี้!?
และความไม่เชื่อถือในดวงตาของน้องชาย ก็นำมาซึ่งเสียงหัวเราะขบขันนัก
อย่ามองข้าแบบนั้นสิ คาน่อน ยังไงข้าก็เป็นพี่ชายของเจ้า นับจากนี้ไปข้าจะไม่ทำอะไรที่ฝืนใจเจ้าอีกแล้ว
ประโยคที่อ่อนโยนกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนยิ่งกว่า มันเป็นรอยยิ้มอย่างที่ทำให้คาน่อนถึงกับเผลอตะลึงมอง เพราะสำหรับคนที่เคยเห็นแต่เวลาที่พี่ชายเย็นชาเหมือนน้ำแข็งขั้วโลกแล้ว ซางะที่อยู่ตรงหน้านั้นมันช่างดูแปลกไป..ที่จริงแล้วก็ดูแปลกไปนับตั้งแต่วันที่ใช้กำลังข่มขืนเขาเป็นต้นมา
ถ้างั้น... เจมินี่ผู้น้องกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ แสดงว่าพี่จะไม่ขังข้าไว้ในวิหารอีกแล้วใช่มั้ย..?
มันเป็นการเดิมพันกับคำถามที่เต็มไปด้วยความกล้าๆกลัวๆ แต่การเดิมพันครั้งนี้ไม่ว่าใครจะชนะในท้ายสุดก็แล้วแต่ แต่เวลานี้เห็นได้ชัดว่าซางะยอมเป็นฝ่ายอ่อนข้อให้ก่อนแล้ว
แน่นอน เจ้ามีอิสระที่จะไปทุกที่ที่เจ้าปรารถนา ปลายนิ้วเขี่ยแก้มของผู้เป็นน้องชายเล่น มันเป็นกิริยาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดูกับอาการอ้าปากค้างของอีกฝ่าย แม้ว่าข้าคงจะดีใจมากหากเจ้าไม่คิดจะไปจากบ้านของ พวกเรา
หากว่ามีความกล้ากว่านี้อีกนิด เจมินี่ คาน่อนคงไม่ลังเลเลยที่จะยกมือขึ้นแตะหน้าผากของพี่ชายเพื่อวัดไข้ กับความแปลกไปเหมือนอย่างคนที่เมายาอย่างไรอย่างนั้น
งั้น......พี่จะ..ไม่บังคับข่มขืนข้าแล้ว?
แน่นอน ข้าจะไม่ฝืนใจเจ้าอีก
คำตอบที่เอ่ยออกมาโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาหยุดคิด และเป็นคำตอบที่ดูเต็มไปด้วยความจริงใจเสียจนทำให้คาน่อนยิ่งหวาดระแวง ในฐานะน้องชายฝาแฝดแล้วมีหรือที่เขาจะไม่รู้ว่าซางะไม่มีทางที่จะไม่วางแผนอะไรไว้ แต่ปัญหานั้นคือ มันคือแผนอะไรนี่สิ?
..............งั้นพี่จะเลิกระงับบัตรเครดิตของข้าแล้ว..ใช่มั้ย?
เจมินี่ ซางะ แย้มรอยยิ้มบางๆกับคำถามนั้น ที่จริงแล้วนั่นมันเป็นบัตรเครดิตของข้าที่เจ้าแอบขโมยไปไม่ใช่รึ น้องชาย?
...........................
ประโยคที่ทำให้คาน่อนเสหลบตานิดหน่อยกับความจริงที่กระแทกใจอย่างชวนให้ใช้เท้ากระแทกพี่ชายตกเตียง กระนั้นแล้ว..แม้ว่าสถานการณ์ในเวลานี้จะดูดีสักแค่ไหน ทั้งที่รู้ทั้งรู้ว่าไม่ควรจะกวนโมโหพี่ชาย แต่มันก็คงเป็นเหมือนความโง่เขลาผสมกับความหัวดื้ออย่างถึงที่สุด ที่ทำให้คาน่อนอดไม่ได้ที่จะถามคำถามสุดท้ายตามมา
ถ้างั้น...ข้ากลับไปเที่ยวผู้หญิงเหมือนเดิมได้แล้วใช่มั้ย!!?
โพล่งออกไปเสร็จ ก็ยกสองมือขึ้นกันอย่างพร้อมต่อสู้เต็มที กระนั้นแล้วการต่อสู้บนเตียงที่คาน่อนหวาดๆว่าจะหวนกลับมาอีกครั้งกลับไม่มาถึง เมื่อซางะเพียงชะงักไปเล็กน้อย แล้วรอยยิ้มมาดร้ายที่แสนเย็นชาก็ปรากฏบนมุมปาก
ได้สิ นั่นคือคำตอบรับจากชายผู้ไม่เคยคิดจะแบ่งของที่เป็นของตนให้แก่ใคร และก็เป็นชายคนเดียวกับที่ก้มใบหน้าลงไปจนแทบชิดกับหน้าของน้องชายที่เป็นพิมพ์เดียวกัน ต่างรับรู้ถึงลมหายใจอันเร่าร้อนของกันและกัน ทำอย่างที่เจ้าพอใจเถะ คาน่อน
นิ้วสากไล้กลีบปากนุ่มเบาๆ ยั่วเย้าให้คิดถึงรอยสัมผัสที่เคยฝากไว้
แล้วข้าจะรอวันที่เจ้าจะยอมเป็นของข้าด้วยความตั้งใจของเจ้าเอง..คาน่อน
สำหรับหนุ่มเสเพลอย่างเจมินี่ คาน่อนแล้ว..นี่เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับคำพูดที่ร้อนแรงไปด้วยแรงอารมณ์ที่เหมือนจะแผดเผาร่างกายของเขาให้ลุกไหม้ เป็นครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับความปรารถนาที่ยากจะหยุดยั้งจากใครคนหนึ่ง และมันก็เป็นครั้งแรกนับจากค่ำคืนที่เสียเชิงชายเป็นต้นมา ที่คาน่อนแย้มรอยยิ้มตอบให้แก่พี่ชาย..กับความเชื่อมั่นที่ไม่น้อยไปกว่ากัน
ถ้าอย่างนั้นก็ฝัน(เปียก)ค้างรอไปเถอะ พี่ชาย!!- - - - TBC. - - - -Freedom = อิสระ เสรีภาพ
Condom = ถุงยาง
ตอนนี้เริ่มฝึกงานแล้วค่ะ

ฝึกจันทร์ เสาร์ เลิกงานเร็วสุดคือทุ่มครึ่งทุกวัน OTL เพราะงั้นช่วงนี้คงอัพฟิคช้าลง แต่จะพยายามอัพให้ได้อาทิตย์ละตอนนะคะ