Fiction Saint Seiya : The story of us 2Author : jes
Pairing : เลโอ ไอโอเรีย x เวอร์โก้ ชากะ (แต่เป็น pov ของชากะนะ)
Intro : แต่งต่อจากภาค 1 ค่ะ ภาคที่แล้วเป็น pov ของหนูเรีย เพื่อความยุติธรรมเลยเขียนเรื่องนี้แบบ
pov ของช่าบ้าง เพราะงั้นถ้าใครไม่เข้าใจว่าไอโอเรียมาอยู่ที่วิหารเวอร์โก้ได้ยังไง เพราะยังไม่เคยอ่านภาค 1 ก็ไปอ่านก่อนนะคะ ที่
http://nut-privatedream.blogspot.com/2010/11/saint-seiya-story-of-us-1.html -----------------------------------------------------------------------
เวลาย่ำรุ่งใกล้เข้ามาทุกขณะ.....
ปลายฟ้า...เริ่มปรากฏเส้นบางๆ สีจางระเรื่อที่ค่อยๆ ทวีความอบอุ่นขึ้นทีละน้อย ประกายแสงเล็กๆ ก่อตัวขึ้นช้าๆ ก่อนทอดตัวเป็นแนวยาว สักพักแสงเงินแสงทองก็ส่องรัศมีใสกระจ่างเป็นการต้อนรับวันใหม่
แต่....
ทั่วทั้งแซงค์ทัวรี่ยังคงเงียบกริบผิดจากปรกติ เพราะไม่มีเสียงสวดมนต์ประจำวิหารเวอร์โก้ที่มักดังขึ้นตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันสาง
เวลาค่อยๆ ผ่านไปอย่างช้าๆ จนแสงอาทิตย์ยามเช้าทอประกายระยิบระยับจับตา สายลมเย็นเริ่มพัดพลิ้วไปมาพาให้ใบไม้และยอดหญ้าสีเขียวไหวลู่ไปตามแรง
วิหารเวอร์โก้ก็ยังคงเงียบสนิท....
...เป็นแบบนี้
...เป็นแบบนี้มาแล้วเกือบทั้งอาทิตย์ตอนนี้โกลด์เซนต์เวอร์โก้ ชากะ กลับเอาแต่นอนขดตัวนิ่งๆ อยู่บนเตียง ผิดจากทุกวันที่จะต้องตั้งต้นสวดมนต์ภาวนา ชำระล้างจิตใจ และทำวัตรเช้า เพื่อโปรดสัตว์โลกตามปรกติ ใครถามก็ตอบมันง่ายๆ ได้ใจความชัดเจนว่า..
เบื่อ ไม่มีอารมณ์ จนกระทั่งท้องฟ้าเริ่มสว่าง ร่างสูงใหญ่ที่นอนหลับสบายอยู่บนพื้นหน้าเตียงเริ่มขยับตัวนั่นแหละ คนที่ตื่นนานแล้วแต่ไม่ยอมลุกสักทีก็รีบสะบัดผ้าห่มที่เดิมคลุมอยู่ถึงคอออกไปข้างๆ แล้วซุกหน้าลงกับหมอน แกล้งทำเป็นยังหลับอยู่ได้แบบเนียนๆ ทั้งที่จริงๆ แล้วกะแอบมองปฏิกิริยาของคนที่อยู่ตรงหน้าต่างหาก
ไอโอเรียลุกขึ้นนั่งนิ่งๆ สักพักให้หายสะลึมสะลือก่อนเก็บอุปกรณ์การนอนของตัวเข้าที่ พอเรียบร้อยแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่แม้แต่จะใส่ใจปรายตามองใครอีกคนที่ยังอยู่ในห้องเลยสักนิด
ผู้ใกล้เคียงพระเจ้า ถอนหายใจยาวด้วยความผิดหวัง
ไม่มีเสียงงอแงเหมือนเด็กขี้เซา เอาแต่ใจ เวลาถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า ไม่มีปฏิกิริยาเอะอะ โวยวาย เมื่อถูกบังคับให้ทำอะไรที่ไม่ชอบ ไม่มีรอยยิ้มและความเป็นห่วงเป็นใยแบบทื่อๆ ซื่อๆ ติดจะบื้อเล็กน้อยที่เจ้าตัวพร้อมจะแจกจ่ายให้กับทุกคนรอบข้าง
...ที่จริงแล้ว...ถ้าจะพูดให้ถูกต้องที่สุด คือ... คนที่เพิ่งเดินออกไปข้างนอกเมื่อกี้ไม่ใช่ ไอโอเรีย คนเดิมที่เคยรู้จักเลยสักนิด
... มันเป็นเพราะอะไร มันเกิดอะไรขึ้น......................
วันนั้น.....
กิจวัตรยามเช้าประจำวิหารเวอร์โก้ยังคงดำเนินไปไม่ต่างจากเดิม เริ่มจากการสวดมนต์รับวันเช้าใหม่ก่อนเวลาไก่จะตื่นพักใหญ่ ต่อด้วยการทำสมาธิในห้องโถงกลางวิหารไม่ก็เดินจงกรมใต้ต้นสาละไปเรื่อยๆ จนสายจวนเที่ยงแล้วนั่นแหละจึงจะได้ทานข้าวเช้ากัน
ทีนี้..แต่ไหนแต่ไรมาทุกอย่างก็เป็นไปตามนั้น....เพิ่งจะมามีปัญหาเอาก็ตอนที่ทางวิหารต้องรับหน้าที่เลี้ยง แมววัด ตามคำสั่งของอาเธน่านี่ล่ะ มันเลยช่วยไม่ได้ที่หลวงพี่คนสวยต้องจัด คอร์สอบรมบ่มนิสัย ให้เจ้าเหมียวตัวยุ่ง เผื่อว่าจะได้เห็นแสงสว่างแห่งพระธรรมกับเขาบ้าง
เริ่มตั้งแต่เช้ามืดท่ามกลางแสงไฟสลัว คนที่ตื่นก่อนใครเพื่อนแถมยังตรงเวลาเป๊ะทุกวันค่อยๆ ลืมตาขึ้นก่อนกะพริบแพขนตายาวสองสามทีเพื่อขับไล่ความง่วงงุน แต่พอยันตัวลุกขึ้นผ้าห่มเนื้อนิ่มก็หล่นลงมากองที่เอว
...ผ้าห่ม? จากไหน?พอเหลียวมองไปรอบๆ ก็ต้องแย้มรอยยิ้มบางออกมา แล้วลุกเดินเข้าห้องน้ำไปโดยระวังไม่ให้สะดุดเอาแมววัดตัวโตที่ยังหลับอุตุอยู่หน้าเตียงเข้า
...เห็นแก่ผ้าห่ม จะปล่อยให้นอนอีกหน่อยก็ได้จนทำธุระส่วนตัวเสร็จแล้วนั่นแหละ ถึงได้เข้ามานั่งใกล้ๆ สักพักมือเย็นๆ นุ่มๆ ก็ยื่นออกไปเขย่าปลุกที่ไหล่ เท่านั้นเจ้าแมวที่นอนหลับสบายอยู่ในถุงนอนหนานุ่มที่เจ้าตัวอุตส่าห์หอบหิ้วมาจากวิหารเลโอก็โวยวายสนั่นทั้งๆ ที่ยังหลับตาปี๋
ไม่...ม่ายยยยยยย... ไอโอเรีย ตื่น ได้เวลาสวดมนต์แล้ว น้ำเสียงคนปลุกค่อนข้างราบเรียบแต่หางเสียงติดจะแข็งเล็กน้อย
ไม่...ไม่ไป เจ้าเหมียวยอมลืมตาขึ้นนิดนึงอย่างเสียไม่ได้ก่อนยกมือขึ้นปัดเส้นผมยาวๆ ชื้นๆ ที่ปลิวมาระใบหน้าออกไป ตามด้วยการพลิกตัวกลับแล้วดึงเอาหมอนขึ้นมาปิดหัวไว้
เช็ดผมให้แห้ง..แล้วนายจะไปไหนก็ไป อย่ามายุ่งกับฉัน
เดี๋ยวก็เช้าแล้ว นายจะเอาแต่นอนอยู่ทำไม
มันเรื่องของฉัน แมวยังคงดื้อไม่เลิก ตอนนายอยู่วิหารเลโอ ฉันยังไม่เคยบังคับให้นายทำอะไรสักอย่าง
ไอโอเรีย... คราวนี้เสียงชากะบอกชัดว่าชักโมโห ที่นี่คือวิหารเวอร์โก้ นายอยู่ที่นี่ก็ต้องทำตามกฎของฉัน ...จะลุกไปสวดมนต์เองดีๆ มั้ย
ไม่ เสียงขู่ฟ่อๆ ชนิดงานนี้สู้ตายดังลั่น ได้ยินกันไปทั้งแซงค์ทัวรี่ล่ะมั้ง แต่ไม่ทันไรเจ้าเหมียวนิสัยเสียก็มีอันต้องกระเด้งกระดอนหนีออกจากถุงนอนแทบไม่ทัน เมื่อหลวงพี่ช่าตัดสินใจใช้ไม้ตายสุดท้ายด้วยการ.....
.
.
เงื้อมือขึ้น .
.
แล้วฟาดผัวะๆ ๆ ๆ ลงไปที่หลังและไหล่ของแมวเอาแต่ใจชนิดไม่ออมแรง ไม่มียั้ง และไม่นับ
เจ็บ ชากะ เฮ้ย! ไปก็ได้ บอกว่ามันเจ็บไง...
ไอโอเรียโวยลั่น แต่ก็ยอมลุกขึ้นเดินหัวฟูไปอาบน้ำแต่โดยดี โดยมีเสียงหลวงพี่ตามไล่หลังไป
ห้ามแอบนอนต่อในห้องน้ำนะ ถ้า 15 นาทีแล้วยังไม่ออกมา ฉันจะตามไปลากนายออกมาเอง อ้อ! แล้วเก็บถุงนอนของนายเข้าที่ให้เรียบร้อยด้วยล่ะ
ต่อมา...แม้จะกึ่งบังคับกึ่งขู่เข็ญจนแมวจำใจต้องยอมออกมาที่ห้องสวดมนต์จนได้ แต่ปัญหาก็ยังไม่หมด
ระหว่างที่หลวงพี่กำลังเดินจงกรม ทำสมาธิ พิจารณาสัจธรรมอันแท้จริงของโลกกันอยู่นั้น.....ก็ดันเกิดเหตุประท้วงขึ้น
เมื่อย เหนื่อย พัก หนูเรียที่อดทนเดินจงกรมได้ครึ่งชั่วโมงนั่งแปะลงบนพื้นพลางเอนหลังพิงผนังห้องมันซะอย่างนั้น
ไอโอเรีย...อย่างอแง
หิว เจ้าแมวตัวโตยังไม่เลิกโยเยด้วยการแกล้งหันหลังให้ไม่ต่างอะไรกับแมวกำลังงอนเจ้าของ
งั้น...เลือกเอาแล้วกันว่าจะยอมตั้งใจนั่งสมาธิอีกชั่วโมงนึงหรือจะกลับเข้าไปนอนต่อแต่ต้อง อด ข้าวเช้า
......เฮ้ย...อะไรนะพอเจอไม้ตายขั้นสุดยอดเข้าไป ไอโอเรียก็โดนสอยร่วงน็อกคาเวทีจนต้องยอมกัดฟันลุกขึ้นมานั่งสมาธิต่อ
แต่แล้วอีกแค่ไม่ถึงสิบห้านาทีต่อมาก็มีร้องลั่นดังขึ้น
โอ๊ย!
เสียงใครคงเดากันถูก เมื่อหลวงพี่เปลี่ยนวิธีปลุกมาเป็นการสะบัดสายประคำคู่มือใส่แบบไม่เบานักแทน เพราะรู้ซึ้งแล้วว่าการใช้กำลัง แม้จะทำให้คนตัวโตตื่นได้ก็จริง แต่ก็ต้องแลกกับการเจ็บมือ..ดูๆ แล้วมันไม่ค่อยคุ้มกันเท่าไหร่
นั่งสมาธิ ไม่ใช่นั่งหลับ
ฉันนั่งสมาธิในฝัน ไอโอเรียที่ยัง รมณ์บ่จอยไม่เลิกเถียงไปได้น้ำขุ่นคลั่กพลางลูบหลังป้อยๆ แค่ทำปากขมุบขมิบตามบทสวดอะไรไม่รู้เรื่องอยู่เป็นชั่วโมงๆ นั่นก็เต็มกลืนแล้ว ใจคอนายจะให้ฉันทนนั่งหลับตานิ่งๆ อีกเรอะ แล้วยังจะอากาศตอนเช้าเย็นๆ แบบนี้อีก...นายเองก็คงแอบหลับมั่งเหมือนกันล่ะน่า แต่เพราะหลับตาเลยไม่มีใครรู้ จริงมะ..
เท่านั้น.....บรรยากาศขรึมขลัง แฝงพลังศักสิทธิ์ในห้องสวดมนต์ก็แผ่วจางลง เพราะหลวงพี่ชักมือไม้กระตุก อยากปิดประตูตีแมวเต็มแก่ แต่ก็ต้องพยายามปั้นหน้านิ่งสุดชีวิตเพื่อรักษาภาพพจน์ที่ดีเอาไว้
...คราวนี้มาแผนสูงนะเจ้าเหมียว คิดจะก่อกวนความสงบจนฉันทนรำคาญไม่ไหว เลิกบังคับให้นายมาสวดมนต์ ทำสมาธิอีกสินะ ไม่มีทางซะล่ะออกไป ในที่สุดก็ออกปากไล่แมวมันดื้อๆ ไอโอเรีย..นายออกไปรอข้างนอก ไปรอที่ต้นสาละโน่นเลย เดี๋ยวฉันตามออกไป
ไอโอเรียดูสดชื่นขึ้นไม่น้อยหลังจากได้ออกมายืดเส้นยืดสายในสวนสาละข้างวิหาร เพราะในเวลาไม่ถึง 10 นาทีที่ชากะใช้สงบสติอารมณ์ให้เข้าที่เข้าทางก่อนเดินตามออกมา ไอโอเรียก็รดน้ำต้นไม้กับกวาดสวนเสร็จสรรพเรียบร้อยด้วยสีหน้าท่าทางมีความสุข
โตขึ้นเยอะนะ เจ้าแมวเหมียวส่งยิ้มให้ต้นสาละที่เคยอยู่หน้าวิหารเลโอ เดี๋ยวฉันจะแต่งกิ่งให้ใหม่ เอาให้นิ้งไปเลยดีมั้ย
นั่งลง แล้วทำสมาธิ อืม...ทำให้ต้นเดียวคงไม่ดีสินะ ต้นที่เหลือคงน้อยใจแย่ งั้นเดี๋ยวฉันจัดการตัดแต่งใหม่ให้หมดทั้งสวนเลย ไอโอเรียยังพยายามทำหูทวนลมต่อไป
ได้ยินที่ฉันพูดมั้ย คราวนี้น้ำเสียงคนพูดทั้งเข้มทั้งแข็งกระชากใจคนฟัง ทำเอาร่างสูงใหญ่ชะงักกึก หน้าตึงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ริมฝีปากเม้มจนเป็นเส้นตรง
ร่างบางลอบยิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาที่ต้องการก่อนใช้คำพูดรุกต่อไป
แค่ทำสมาธิ ทำจิตให้ว่างไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเซนต์ไม่ใช่เหรอ แค่นั่งนิ่งๆ สัก 10 นาทีไม่ถึงตาย แต่เท่าที่ฉันเห็น...นายทำไม่ได้
ฉัน....
เสียงพูดเงียบหาย ไอโอเรียยกมือแตะต้นสาละเบามือเหมือนขออนุญาตก่อนทรุดตัวลงนั่งเอนหลังพิงโคนต้นแล้วหลับตาลง
บรรยากาศโดยรอบ...นิ่ง...เงียบ...สงบ ไม่ต่างจากเวลาที่เจ้าของวิหารเข้าสมาธิแม้แต่น้อย
... ผ่านไป 5 นาที
...20 นาทีก็แล้ว
...ครึ่งชั่วโมงก็แล้วชากะขมวดคิ้ว เมื่อพบว่าอีก 10 นาทีก็จะครบ 1 ชั่วโมง
...มันนานเกินไปรึเปล่า
...หรือว่าไอโอเรีย ห้ามหลับนะ ชากะกระซิบดุๆ พลางยื่นมือออกไปหมายจะเขย่าปลุกแรงๆ สักที แต่กลายเป็นว่าถูกอีกฝ่ายยึดข้อมือไว้แน่น
นายน่าจะรู้นะว่า การรบกวนคนที่กำลังทำสมาธิอยู่ มันบาป ไอโอเรียลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วหันหน้ามาหา ทว่าเมื่อจ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีเขียวที่กำลังมองตรงมากลับพบแต่ความเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
.................................................................
ลงแค่ 30% (ได้มั้ง) ก่อนนะคะ