...พระผู้เป็นเจ้า...ได้โปรดรับฟังคำสารภาพของตัวข้าผู้บาปหนาด้วย...
สงครามศักดิ์สิทธิ์...สงครามระหว่างเทพ...สงครามที่พรากชีวิตของผู้คนไปมากมายนับหมื่นแสน
...หนึ่งในชีวิตที่ดับสิ้นอย่างง่ายดายราวกับแสงของหิ่งห้อยนั้นคือคนสำคัญของข้าเอง...
พวกเราเหล่าโกลด์เซนต์รู้กันดีอยู่แก่ใจว่าคงต้องจบชีวิตลงในสงครามครั้งนี้ ชิออนเคยพูดไว้ว่า... พวกเราไม่ได้ต่อสู้เพื่อที่จะตาย เพียงแต่...เพื่อทำหน้าที่ให้ลุล่วง...ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะมีความตายหรืออะไรรอคอยอยู่ พวกเราก็ต้องต่อสู้ต่อไป จนกว่าจะถึงเวลาที่ชีวิตมอดดับลง...
...คำนั้นไม่ผิดเลย...
ข้าได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญในการขอยืมพลังจากเทพสมุทรโพไซดอนที่หลับใหล ณ บลูกราด
...เวลานั้น...เพียงชั่วเสี้ยววินาทีแห่งการตัดสินใจ...ข้าก็ได้กระทำบาปอันไม่อาจให้อภัยลงไป
เสี้ยววินาทีที่ข้าปรารถนา...หากจะต้องสิ้นลมหายใจในสงครามครั้งนี้...ข้าจะขออยู่กับเขาให้นานขึ้น...แม้เพียงนิด การเดินทางในระยะเวลาสั้นๆ อาจจะไม่เพียงพอต่อความเรียกร้องที่เขามีต่อข้ามาช้านาน ซึ่งข้าก็ไม่เคยสนองความต้องการของเขาเลยแม้เพียงครั้งเดียว
สกอร์เปี้ยน คาร์เดีย บุรุษผู้ไม่เกรงฟ้า ไม่กลัวดิน สิ่งที่เขาขวนขวายมาตลอดชีวิตมีเพียงสองสิ่ง หนึ่งคือคนรักผู้ที่จะมอบหัวใจให้ อีกหนึ่งคือศัตรูที่ควรค่าแก่การเอาชีวิตเข้าแลก
ใครเลยจะรู้...ว่าข้าจะเป็นผู้ที่นำพาทั้งสองสิ่งนั้นเอง
ถ้าข้าเลือกที่จะเดินทางไปทำหน้าที่เพียงลำพัง...ถ้าข้าไม่นำความปรารถนาเล็กๆ น้อยๆ ที่เห็นแก่ตัวมาเป็นตัวตัดสิน...
...เขาก็คงไม่ต้องตาย...
แม้สหายร่วมรบพี่น้องร่วมศึกจะล้มตายไปมากมาย...ข้าคิดว่ามันคงไม่มีสิ่งใดน่าเจ็บปวดไปกว่านี้อีกแล้ว แต่ข้าคิดผิด...ความตายของเขากัดกร่อนจิตใจข้าราวกับหยาดน้ำกรดที่รินรด เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยคาดคิด เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยพบเจอ
แต่ถึงกระนั้น...พวกเราก็ยังต้องทำหน้าที่ต่อไป นั่นคือเกียรติแห่งข้า นั่นคือเกียรติของเขา
...ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นนรกหรือสวรรค์...แม้ว่าชีวิตนี้จะต้องดับสิ้นลง...พวกเราก็ยังคงมุ่งหน้าต่อไป
ความตายช่างแสนประหลาด...ในตอนที่มีชีวิตอยู่ข้าไม่เคยนำพาต่อความตาย หากเมื่อได้สัมผัสมันจริงๆ แล้วข้ากลับหวาดกลัวเหลือเกิน ข้าเพิ่งรู้สึกตัวเดี๋ยวนั้นเองว่าข้ายังมีสิ่งที่โหยหาและปรารถนามากมายเพียงไร ยังมีเรื่องที่อยากทำ ยังมีคำที่อยากเอ่ย ยังมีผู้ที่อยากพบเจอ
...ข้าเพิ่งเคยนึกเสียใจภายหลังเป็นครั้งแรกในชีวิต...
เมื่อครั้งที่แซงค์ทัวรี่ยังคงสงบสุข...ทุกครั้งที่ได้พบหน้า...ไม่ว่าจะด้วยเรื่องบังเอิญหรือด้วยความตั้งใจ เขามักจะส่งเสียงทักทายอยู่เสมอ ในทุกครั้งข้าก็ทำได้เพียงแค่ปรายตามองหรือไม่ก็ผินหลังจากไปโดยไม่ไยดีเท่านั้น ไม่เคยคาดคิดเลยว่าตัวข้าจะต้องมานั่งหวนคิดถึงเรื่องนี้แล้วเศร้าเสียใจให้กับตัวเองที่โง่เขลาเหลือเกินในวันนั้น...
...ไม่ควรค่าเลยที่ใครต่อใครจะยกย่องให้ข้าเป็นปราชญ์แห่งแซงค์ทัวรี่...
ถ้าข้าได้ทักทายเขาตอบบ้าง ถ้าข้าได้ยิ้มตอบเขาบ้าง ถ้าข้าไม่เอาแต่เขินอายเพิกเฉยเย็นชา...ช่วงเวลาที่มีชีวิตอยู่คงมีคุณค่ามากกว่านี้
มีคำคำหนึ่งที่ข้าปรารถนาจะบอกให้เจ้ารับรู้เหลือเกิน...คาร์เดีย
...คาร์เดีย...
...ข้า......เดเจล เดเจล น้องชายที่น่ารักของข้า...ใครทำเจ้าร้องไห้หรือ...ข้าไม่ได้ร้องไห้ น้ำตาของข้าแห้งเหือดมานานแล้ว...
...เด็กโง่...เจ้ากำลังร้องไห้อยู่ชัดๆ ดูสิ...เจ้าโศกเศร้าเสียใจจนหัวใจแทบจะแตกสลายอยู่แล้วนะ...ท่านเซราฟีน่า...
เดเจล เจ้าเป็นเด็กดี เจ้าอ่อนโยนเกินไป ไม่ควรจะต้องเป็นเซนต์เข้าร่วมสงครามนี้เลย ท้ายที่สุดแล้วเจ้าก็ต้องเศร้าโศกเสียใจกับการจากไปของผู้คนมากมายจริงอยู่ ข้าเสียใจที่เพื่อนพ้องมากมายต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่...ถ้าข้าไม่เป็นเซนต์ ข้าก็คงไม่ได้พบเขา ถ้าข้าไม่ไปยังแซงค์ทัวรี่ ก็คงไม่มีโอกาสได้รู้จักเขา ไม่มีโอกาสได้รู้ว่าในโลกที่หนาวเหน็บและเย็นเยียบนี้ยังมีสิ่งที่ทำให้หัวใจได้รู้สึกถึงความอบอุ่น...
...ข้าไม่เคยเสียใจที่ได้เป็นเซนต์เลย...
...เพียงแต่...เรื่องที่ทำให้เสียใจนั้นมีมากมายเหลือเกิน...
...ถ้าเช่นนั้น...ข้าจะให้เจ้าอธิษฐาน...อธิษฐาน...?
ใช่ แม้วิญญาณของเทพสมุทรโพไซดอนจะยังหลับใหล หากทว่าข้าก็สามารถใช้พลังนั้นได้ แม้จะเพียงแค่เล็กน้อยก็ตาม เดเจล...เจ้าช่วยชีวิตผู้นำแห่งบลูกราด น้องชายของข้าเอาไว้ บุญคุณนี้ข้าไม่รู้จะตอบแทนเช่นไร เจ้าปรารถนาอะไร...ถือว่าสิ่งนี้เป็นของขวัญจากลาจากพี่สาวคนหนึ่งเถิด ...ข้าไม่อาจขอชีวิตให้เขาได้ใช่ไหมครับ?
...ใช่ ข้าไม่อาจฟื้นคืนชีวิต ไม่อาจแก้ไขอดีต ไม่อาจยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับปัจจุบัน และไม่อาจเปลี่ยนแปลงอนาคต ไม่ว่าเทพองค์ใดก็ไม่สามารถทำได้ ...ข้า...อยากพบเขาอีกสักครั้ง...ข้าติดค้างเขามากมายเหลือเกิน
...ได้ ข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา...หลังจากนี้เราคงไม่ได้พบกันอีกแล้ว ลาก่อน เดเจล น้องชายที่น่ารักของข้า สายลมหอบใหญ่พัดพาโหมคลั่งอย่างรุนแรง ความมืดที่มองไม่เห็นแม้กระทั่งฝ่ามือของตัวเองแตกซ่านกระเซ็นหายลับไป ถ้าไม่ใช่เพราะความเจ็บปวดใจหัวใจนั้นเป็นของจริง เขาคงนึกไปว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเพียงความฝัน
เดเจลกวาดตามองไปรอบๆ อย่างเชื่องช้า สถานที่ที่เขากำลังยืนอยู่คือภายในโบสถ์เล็กๆ แห่งหนึ่ง ออร์แกนตั้งอยู่ที่มุมโถงทางขวา ส่วนเบื้องหน้าคือมหากางเขนสีขาวที่เก่าแก่ด้วยกาลเวลา ประตูบานเดียวภายในสถานที่แห่งนี้คือประตูเล็กๆ ของห้องสารภาพบาปทางด้านซ้าย
ไม่รู้ว่ามีสิ่งใดชักนำ...อดีตอควอเรียสเซนต์ก้าวเท้าไปยังประตูสีดำบานนั้นอย่างเชื่องช้า หากทว่าไร้ซึ่งความลังเล เวลานั้นเองที่เดเจลเพิ่งสังเกตเห็นว่าร่างกายของตนไม่ได้มีชุดโกลด์คล็อธปกคลุมอยู่อีกต่อไปแล้ว หากทว่าเป็นเพียงเสื้อผ้าสีขาวตัวบางซึ่งชายของมันยาวลงมากรอมเข่า ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าก้าวอย่างเงียบเชียบไร้ซึ่งเสียง อาจจะเป็นเพราะการฝึกฝนเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ หรืออาจจะเป็นเพราะรูปกายที่ปรากฏอยู่นี้เป็นเพียงวิญญาณที่ปราศจากร่างเนื้อเท่านั้น
เดเจลยื่นมือออกไป หากยังไม่ทันสัมผัสบานประตูสีดำ...มันก็เปิดออกเอง
ชายหนุ่มกลั้นใจ...เพ่งมองผ่านความมืดภายในห้องด้วยหัวใจที่วูบไหว ทั้งๆ ที่ก้อนเนื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายควรจะหยุดทำงานไปแล้ว หากทว่าเวลานี้เดเจลกลับพบว่ามันกำลังเต้นระรัว ...ก่อนจะค่อยๆ สงบลง...แผ่วช้า...จนแทบหยุดนิ่ง เมื่อพบว่าเบื้องหลังบานประตูนั้นไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว
ภายในห้องสารภาพบาปขนาดเล็กมีเพียงพระบุตรที่ถูกตรึงไว้กับไม้กางเขนขนาดเล็กที่อยู่เบื้องหน้า เดเจลถอนหายใจน้อยๆ ก่อนค่อยๆ ก้าวเข้ามา
ดวงตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วห้องที่กว้างเพียงประมาณสี่ตารางเมตร พบว่านอกจากไม้กางเขนเบื้องหน้าตนแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก
ชายหนุ่มหันไปมองเบื้องหลัง...แม้กระทั่งบานประตูสีดำที่นำพาเขาเข้ามาในห้องนี้ก็อันตรทานหายไปหลงเหลือเพียงผนังห้องที่เป็นสีส้มแดงราวกับแสงอาทิตย์ยามอัสดง หน้าต่างเพียงบานเดียวอยู่ตรงเบื้องหลังไม้กางเขนสีขาว ก่อให้เกิดเงาดำที่ทอดยาวมาปกคลุมร่างของตน
เดเจลเดินเข้าไปอยู่ใต้เงานั้น เซนต์แห่งอาเธน่าค่อยๆ ทรุดตัวลงก่อนหลับตาแล้วประสานมือ
...พระผู้เป็นเจ้า...ได้โปรดรับฟังคำสารภาพของตัวข้าผู้บาปหนาด้วย...
สายลม...สายลมจากที่แห่งใดไม่อาจทราบพัดผ่านร่างกาย ก่อนที่เดเจลจะได้ทันขยับตัวหรือลืมตาขึ้นมอง สัมผัสของมือข้างหนึ่งก็ทาบลงบนแก้ม นิ้วโป้งขยับไล้เบาๆ ราวกับกำลังปาดเช็ดน้ำตาทั้งๆ ที่ดวงตาสีมรกตนั้นแห้งผากยิ่งกว่าผืนทราย
ดวงตาที่เหือดแห้งราวกับบ่อน้ำพุอันว่างเปล่าค่อยๆ คืนประกายเอ่อล้นด้วยหยาดน้ำยามที่ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมองภาพตรงหน้าอย่างไม่กล้ากะพริบตาด้วยกลัวว่าสิ่งที่อยู่เบื้องหน้านี้จะเป็นเพียงภาพลวงและพร้อมจะหายไปทันทีที่ละสายตา
ใบหน้าหล่อเหลาซึ่งมักจะเอาแต่ยิ้มยียวนกักขฬะกำลังส่งรอยยิ้มอ่อนโยนมาให้อย่างหาได้ยากยิ่ง
...คาร์เดีย...
เมื่อได้เจอเข้าจริงๆ แล้วถ้อยคำนับล้านที่อยากเอ่ยกลับหลงเหลือเพียงความเงียบงัน เดเจลค่อยๆ ยกมือขึ้นวางทาบลงบนแก้มของอีกฝ่าย สัมผัสภายใต้ฝ่ามือนั้นชัดเจนเกินกว่าจะเป็นภาพลวงตา เวลานั้นเอง หยาดน้ำตามากมายที่ไม่อาจรู้ได้ว่ามาจากที่ใดก็พลันพรั่งพรู
...ข้า...
ข้ารักเจ้า
ข้าขอโทษ
ข้าขอโทษ
...ข้าขอโทษ...
อย่าโทษตัวเองเลยนะ แทนที่คำล้อเลียนถากถางที่คาดว่าจะได้รับกับความอ่อนแอที่ยินยอมแสดงให้เห็น กลับเป็นถ้อยปลอบประโลมที่อ่อนโยนยิ่งกว่าสิ่งใด เจ้าไม่ผิดหรอก
ข้าขอโทษ... น้ำเสียงที่ฝืนบังคับให้นิ่งเรียบยังฟังสั่นเครือจนน่าสมเพช หากทว่ากับหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูไม่ยอมหยุดนี้เพียงแค่เขาไม่หลุดสะอื้นออกมาก็คงนับว่าดีแล้ว
ข้าไม่มีทางปล่อยให้เจ้าออกเดินทางเพียงลำพังอยู่แล้ว เจ้าก็รู้...ว่าข้าน่ะ ขี้หึงมากนะ
เพ้อเจ้อ
ในยามที่ถูกดึงตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนอบอุ่นนั้น เดเจลไม่ได้ขืนตัวต่อต้านอีกต่อไป ไม่รู้ว่าเวลาของพวกเขายังเหลืออีกเท่าไหร่ แต่ไม่ว่าอย่างไร..
...ขอให้เขาไม่ใช่คนโง่อย่างที่เคยเป็นมา...
...กับเวลาที่ยังเหลืออยู่ จะขอใช้มันทดแทนเวลาเกือบยี่สิบปีที่ผ่านมา
ข้ารักเจ้า เดเจล
ข้า... ใบหน้าร้อนวูบ แม้จะตายไปแล้วหากความเขินอายไม่ได้จากไปพร้อมร่างกาย มันยังคงติดตามวิญญาณมา...รวมถึงความรู้สึกนึกคิด...ทุกสิ่งทุกอย่าง
และ...คำตอบที่มีอยู่ในใจมาแสนเนิ่นนาน หากกลับไม่ได้พูดออกไป
คาร์เดียรอเขามานาน รอมาตลอด แม้กระทั่งสิ้นลมหายใจอีกฝ่ายก็ยังคงรอคอยเขาอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
เขาควรจบการรอคอยอันแสนยาวนานนี้เสียที
ข้ารักเจ้า คาร์เดีย
เพื่อที่ว่า...แม้ช่วงเวลานี้จะสิ้นสุดลง...เมื่อการลาจากมาเยือนอีกครั้ง...เขาก็จะไม่กลับมานั่งเสียใจภายหลังอีกต่อไปFin.ก่อนอื่น ขอสวัสดีทุกท่านค่ะ เราเป็นสมาชิกใหม่ เพิ่งสมัครสดๆ ร้อนๆ เรียกเราว่าเรนเดียร์ก็ได้ค่ะ
(สมัครในวันคริสมาสต์ เพื่อลงฟิคคริสมาสต์ (ฮา เป็นฟิคคริสมาสต์ที่อาบน้ำตาได้อีก))
นี่เป็นฟิค SS เรื่องแรกของเรา ^^ มีอะไรก็ติชมได้นะคะ
(ความจริงมีซางะ*คาน่อนด้วยอีกเรื่องนึง แต่ท่าทางจะเขียนไม่ทันคริสมาสต์ปีนี้ซะแล้วสิ รอปีหน้าดีไหมคะพี่ง่า 555+)